- Details
- Category: น้ำมัน-แก๊ส
- Published: Monday, 13 July 2020 18:01
- Hits: 1878
ราคาน้ำมันดิบทรงตัว หลังความต้องการใช้น้ำมันเริ่มฟื้นตัว ท่ามกลางความกังวลของการแพร่ระบาดระลอก 2
บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 13 กรกฎาคม 2563
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 38- 43 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 40 - 45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (13 – 17 ก.ค. 63)
ราคาน้ำมันดิบ มีแนวโน้มทรงตัว โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันในหลายประเทศทั่วโลกที่กำลังฟื้นตัวหลังผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง และตัวเลขเศรษฐกิจ อาทิ ตัวเลขการว่างงานและดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ ที่มีทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. – พ.ค. 63 ที่ผ่านมา ประกอบกับอุปทานน้ำมันที่ลดลงตามข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร อย่างไรก็ตาม ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโควิด-19 หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 63 ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลง แม้โรงกลั่นในสหรัฐฯ จะเพิ่มกำลังการกลั่นบ้างแล้ว
ตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกมีทิศทางที่ดีขึ้น หลังตัวเลขของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ(Service ISM) เดือน มิ.ย. 63 ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 57.1 จาก 45.4 ในเดือน พ.ค. 63 ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4.8 ล้านตำแหน่งในเดือน มิ.ย. 63 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.0 ล้านตำแหน่งและอัตราการว่างงานเดือน มิ.ย. 63 ปรับลดลงสู่ระดับร้อยละ 11.1 จากร้อยละ 13.3 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับลดลงเดือนสองติดต่อกัน ขณะที่ตัวเลขฝั่งยุโรป เช่น คำสั่งซื้ออุตสาหกรรมของเยอรมนีปรับเพิ่มขึ้นกว่า 10% ในเดือน พ.ค. 63 ส่งสัญญาณแสดงถึงความต้องการใช้น้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง
การขนส่งน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากการปิดท่อน้ำมัน Dakota Access ที่ส่งน้ำมันได้วันละ 5.7 แสนบาร์เรล ตามคำสั่งศาลสหรัฐฯ เนื่องจากท่อดังกล่าวได้พาดผ่านทะเลสาบ Oahe ในรัฐเซาท์ดาโคตา สร้างความกังวลให้กับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ทำให้การขนส่งน้ำมันดิบจากบริเวณดังกล่าวอาจต้องใช้วิธีขนส่งทางรางที่มีอยู่อย่างจำกัดแทน
บริษัท Saudi Aramco ประกาศปรับขึ้นราคาขายน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการของเดือน ส.ค. 63 (Official Selling Price) สำหรับลูกค้าในเอเซีย 1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และปรับขึ้นราว 0.2 – 1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สาหรับลูกค้าในยุโรปและสหรัฐฯ หลังคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ความต้องการใช้น้ำมันอาจได้รับแรงกดดันอีกครั้ง เนื่องจากหลายรัฐในสหรัฐฯ กำลังพิจารณาที่จะบังคับใช้มาตรการปิดเมืองอีกครั้ง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันยังคงสูงถึง 50,000 คน และคาดการณ์ว่าตัวเลขอาจปรับเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอนาคต หากไม่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมแตะระดับ 3 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตพุ่งสูงกว่า 130,000 คน
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 3 ก.ค. 63 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 309 ล้านบาร์เรล
ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียอาจเพิ่มขึ้น หลังบริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียประกาศยกเลิก Force majeure แหล่งผลิตน้ำมันดิบ Es Sider อย่างไรก็ตาม บริษัทออกมาระบุว่าจะยังไม่มีการเพิ่มปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตนี้
เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. 63 ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหราชอาณาจักร เดือน มิ.ย. 63 การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นและผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศจีน ไตรมาสที่สอง
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (6 – 10 ก.ค. 63)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 0.10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 40.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 0.44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 43.24 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 43.81 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยตลาดยังคงถูกกดดันท่ามกลางความกังวลต่อการแพร่ระบาดระลอกสองของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ และหลายประเทศทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ
ล่าสุด รัฐฟลอริดาได้ประกาศใช้มาตรการปิดเมืองบางส่วนอีกครั้ง ส่วนรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลียได้กลับมาใช้มาตรการควบคุมดังกล่าวเป็นเวลา 6 สัปดาห์เช่นกัน เพื่อสกัดการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันได้รับแรงหนุนหลังตัวเลขทางเศรษฐกิจทั่วโลกมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณแสดงถึงความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น หลังหลายประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง ประกอบกับอุปทานลดลงจากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรที่ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.ค. 63
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ