- Details
- Category: น้ำมัน-แก๊ส
- Published: Thursday, 11 June 2020 12:43
- Hits: 6484
บางจากฯ ใช้นวัตกรรมดูแลลูกค้า ส่งมอบความ 'จริงใจ ห่วงใย ปลอดภัย' ตอบโจทย์ชีวิตหลังโควิด-19
บางจากฯ ส่งมอบ Greenovative Experience ให้ลูกค้า นำนวัตกรรมระบบ Digital Payment มาใช้ในบริการชำระเงิน – สะสมคะแนน ครบวงจรเป็นรายแรกในประเทศไทย ส่งมอบความจริงใจ ห่วงใย ปลอดภัย' ภายในเวลา 1 นาที นำร่องให้บริการที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก 2 แห่ง และตั้งเป้าทยอยขยายบริการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวม 50 แห่ง ภายในเดือนมิถุนายน 2563
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่บริษัท บางจากฯ ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้พัฒนานวัตกรรมระบบรับชำระค่าสินค้าและบริการแบบอิเลคทรอนิกส์ (Bangchak Digital Payment) ภายใต้คอนเซ็ปต์ In-Car Fast & Trust Experiences ดูแลลูกค้า ส่งมอบความ ‘จริงใจ ห่วงใย ปลอดภัย’โดยนำร่องให้บริการที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก สาขาสุขุมวิท 62 และสาขาศรีนครินทร์ 1 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น ปัจจุบันได้ขยายบริการครอบคลุมการสะสมคะแนนของสมาชิกบางจากด้วย ทำให้บางจากฯ เป็นรายแรกในประเทศไทยที่ให้บริการแบบครบวงจรในการรับชำระเงินค่าน้ำมันได้ทั้ง QR Code ผ่าน Mobile Application ของทุกธนาคาร รวมทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต พร้อมสะสมคะแนนในเวลาเดียวกัน ผ่านเครื่อง Mobile EDC ที่เชื่อมโยงกับระบบสมาชิกบางจาก ทำให้สามารถแสดงยอดเงินที่ต้องชำระ จำนวนน้ำมันที่เติม และจำนวนคะแนนสะสม โดยลูกค้าต้องนั่งอยู่ในรถขณะให้บริการ
การแสดงผลจะปรากฏที่หน้าจอเครื่อง Mobile EDC ให้ลูกค้าเห็นได้ทันที โดยที่พนักงานบริการไม่ต้องเดินไปมาระหว่างรถลูกค้ากับจุดรับชำระเงิน เพื่อนำบัตรสมาชิกของลูกค้าไปสะสมคะแนน เพิ่มความสะดวก รวดเร็วในการให้บริการ โดยกระบวนการชำระเงิน - สะสมคะแนน จะใช้เวลาภายใน 1 นาทีต่อหน้าลูกค้า ลดระยะเวลารอคอย และสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัย ลดความกังวลเรื่องการนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ ช่วยลดการสัมผัสเงินสด โดยบางจากฯ ตั้งเป้าทยอยขยายบริการระบบ Digital Payment เพิ่มเติมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวม 50 แห่ง ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2563 ในขณะเดียวกันก็เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคหลังสถานการณ์โควิด-19 ออกมาอย่างต่อเนื่อง
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้รับความไว้วางใจจากบริษัท บางจากฯ ให้พัฒนาระบบชำระค่าบริการผ่านเครื่อง Mobile EDC ที่มีความทันสมัย ลูกค้าสามารถชำระเงินอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และได้มาตรฐาน ซึ่งข้อมูลของหัวจ่ายจะเชื่อมต่อกับเครื่อง Mobile EDC สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่สนับสนุนแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงิน และบริการทางการเงินที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล พร้อมทั้งสนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานสะอาดเพื่อสิ่งแวดล้อม การให้บริการ Supply Chain Financing Program ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางเงินทั้งเครือข่ายในการพัฒนาศักยภาพการแข่งขันให้กับธุรกิจอีกด้วย
สำหรับ ความร่วมมือระหว่างบริษัท บางจากฯ นั้น ธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ให้บริการเครื่องรูดรับบัตรแบบไร้สาย หรือ Mobile EDC เพื่อนำมาใช้กับระบบ Bangchak Digital Payment ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก ซึ่งเป็นเครื่องที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย สามารถใช้งานในบริเวณสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงตามข้อกำหนดของกระทรวงพลังงาน รวมทั้งตรงตามข้อกำหนดเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าและการป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า ของสถานที่ประกอบกิจการน้ำมัน โดยลูกค้าใช้บริการสามารถเลือกชำระได้หลากหลายวิธี คือ ชำระด้วย QR Code ผ่าน Mobile Banking ที่ลูกค้าใช้อยู่ หรือชำระผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต โดยที่ลูกค้าต้องไม่ออกจากตัวรถที่จอดอยู่บริเวณแท่นจ่ายน้ำมัน เป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนด
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เกี่ยวกับบางจากฯ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจผู้นำนวัตกรรมสีเขียวเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ดำเนินงานใน 5 ธุรกิจหลักคือ 1) กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน เป็นโรงกลั่นแบบ Complex Refinery ที่ทันสมัย 2) กลุ่มธุรกิจการตลาด ช่องทางหลักในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านเครือข่ายสถานีบริการของบริษัทฯ กว่า 1,200 แห่ง มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ เสริมด้วยธุรกิจ Non – oil ร้านกาแฟอินทนิลและร้านสะดวกซื้อ SPAR เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน 3) กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ผ่านการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของบมจ.บีซีพีจี ประกอบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ลม ความร้อนใต้พิภพและน้ำ ในประเทศไทย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และลาว 4) กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ดำเนินการภายใต้ บมจ. บีบีจีไอ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 5) กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ธุรกิจปิโตรเลียม ผ่านการถือหุ้นใน OKEA ASA ผู้พัฒนาและผลิตปิโตรเลียมในประเทศนอร์เวย์ และธุรกิจเหมืองลิเทียม ผ่านการถือหุ้นใน Lithium Americas Corp. (LAC) ผู้ประกอบธุรกิจเหมืองลิเทียมในประเทศอาร์เจนติน่าและสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) เพื่อสร้างระบบนิเวศน์สำหรับนวัตกรรมสีเขียว (Green Ecosystem) ส่งเสริมและผลักดันนวัตกรรมที่สนับสนุนการก้าวกระโดดของพลังงานสีเขียวและผลิตภัณฑ์ชีวภาพเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนด้านพลังงานของประเทศต่อไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
******************************************
กด Like - Share เพจCorehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ