WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

OIL37คืบหน้าเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนและความไม่สงบในตะวันออกกลาง หนุนราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง

บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 6 มกราคม 2563

             

ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 60 – 65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 65 - 70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (6 - 10 ม.ค. 63)

      ราคาน้ำมันดิบคาดจะทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังสหรัฐฯ และจีนสามารถบรรลุข้อตกลงในระยะที่ 1 และคาดจะมีการลงนามข้อตกลงการค้าในวันที่ 15 ม.ค. นี้ นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากความไม่สงบในตะวันนออกกลางที่รุนแรงมากขึ้น รวมถึง ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน หลังความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

           สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มตึงเครียดลดลงและคาดจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวดีขึ้น โดยล่าสุด ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่าสหรัฐฯ และจีนจะมีการลงนามในข้อตกลงการค้าระยะที่ 1 ในวันที่ 15 ม.ค. นี้ ซึ่งภายใต้ข้อตกลงสหรัฐฯ ยกเลิกการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าราว 1.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ธ.ค. 62 และลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าราว 2.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ลงครึ่งหนึ่งมาอยู่ที่ร้อยละ 7.5 ขณะที่ จีนจะเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ มากขึ้น

           ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติตต่อกัน หลังคาดความต้องการใช้และปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ จะปรับเพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 ธ.ค. ปรับลดลง 11.5 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้า หลังโรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มกำลังการกลั่นขึ้นมากว่า 1.2% เพื่อรอบรับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึง ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสูงกว่าระดับ 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบน้ำมันดิบคุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล

           จับตาสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่องว่าจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตน้ำมันดิบหรือไม่ โดยล่าสุดกองทัพสหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดค่ายกองกำลังติดอาวุธของอิรักที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ส่งผลให้ ผู้บัญชาการกองกำลังกุดส์ของอิหร่านเสียชีวิตและสถานการณ์ประท้วงทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ การประท้วงในสัปดาห์ที่ผ่านมาของผู้ประท้วงในอิรักส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับลดลงประมาณ 90,000 บาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม แหล่งผลิตน้ำมันดิบดังกล่าวสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้ตามปกติแล้ว

           ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตทั้งในและนอกโอเปกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง หลังกลุ่มผู้ผลิตเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงเพิ่มเติมในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบจะมีการทบทวนนโยบายการปรับลดกำลังการผลิตอีกครั้งในเดือน มีนาคม 2563 ซึ่งหากตลาดเริ่มเข้าสู่ภาวะสมดุล กลุ่มผู้ผลิตอาจทยอยปรับลดกำลังการผลิตลดลง

           ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าต้นทุนการผลิต โดย EIA คาดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 13.18 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2563 นำโดยการเพิ่มขึ้นของการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เริ่มเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ลดการขุดเจาะลง

           เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและบริการจีน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและบริการยูโรโซน และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและบริการจีน

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (30 ธ.ค. 62 – 3 ม.ค. 63)

     ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 1.33 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 63.05 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 0.44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 68.60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 67.99 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังสหรัฐฯ ออกคำสั่งยิงจรวดกับกองกำลังติดอาวุธในอิรักที่สนับสนุนโดยอิหร่าน

     ส่งผลให้ผู้บัญชาการกองกำลังกุดส์ของอิหร่านเสียชีวิตและสร้างความกังวลต่อตลาดว่าหากสถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในภูมิภาค นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังสหรัฐฯ และจีน เตรียมลงนามข้อตกลงการค้าระยะที่ 1 ในเร็วนี้ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันและช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง โดย EIA รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับ สัปดาห์สิ้นสุด 27 ธ.ค.62 ปรับลดลงอย่างมากนับตั้งแต่มิย.62

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

sme 720x90banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!