- Details
- Category: น้ำมัน-แก๊ส
- Published: Monday, 23 December 2019 20:09
- Hits: 6822
ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะลดลงเป็นสัปดาห์ที่สอง
บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 23 ธันวาคม 2562
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 58 – 63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 63 - 68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (23 - 27 ธ.ค. 62)
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี หลังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดจะปรับลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง จากความต้องการใช้น้ำมันที่คาดจะปรับเพิ่มขึ้น รวมถึง อุปทานน้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรที่มีแนวโน้มปรับลดลงตามข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิต ซึ่งกลุ่มผู้ผลิตจะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีกราว 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในไตรมาสแรกของปีหน้า นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน มีแนวโน้มคลี่คลายลง เนื่องจากทั้งสองประเทศสามารถบรรลุข้อตกลงในระยะที่ 1 ได้ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังผู้ผลิตเริ่มกลับมาเพิ่มปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบอีกครั้งในรอบ 2 เดือน
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ :
การผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตทั้งในและนอกโอเปกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง หลังกลุ่มผู้ผลิตยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบตามข้อตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลงเพิ่มเติมอีก 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงไตรมาส 1 ของปีหน้า ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบทั้งหมดคาดจะปรับลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ ซาอุดิอาระเบียคาดจะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ปริมาณการผลิตทั้งหมดจะปรับลดลง 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบจะมีการทบทวนนโยบายการปรับลดกำลังการผลิตอีกครั้งในเดือน มีนาคม 2563
การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีทิศทางดีขึ้น หลังสหรัฐฯ และจีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าในระยะที่ 1 ได้ โดยสหรัฐฯ จะยกเลิกการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าราว 1.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเดิมจะมีผลในวันที่ 15 ธ.ค. 62 และลดอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าราว 2.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ลงครึ่งนึงมาอยู่ที่ ร้อยละ 7.5 ขณะที่ จีนจะมีการเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าข้อตกลงดังกล่าวจะส่งผลให้เศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันโลกปรับตัวดีขึ้น โดยคาดเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นราวร้อยละ 0.6
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะปรับตัวลดลง หลังคาดความต้องการใช้น้ำมันดิบในสหรัฐฯ จะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ธ.ค. ปรับลดลง 1.1 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้า หลังโรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐฯ คงกำลังการกลั่นในระดับสูงต่อเนื่องรวมถึง ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ปรับลดลง ขณะที่ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบน้ำมันดิบคุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับลดลง 0.265 ล้านบาร์เรล
ปริมาณน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าต้นทุนการผลิต โดย EIA คาดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) คาดจะปรับเพิ่มขึ้น 29,000 บาร์เรลต่อวันไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.14 ล้านบาร์เรลต่อวัน นำโดยแหล่งผลิต Permian และ Bakken ที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เริ่มเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ลดการขุดเจาะลง
เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (16 - 20 ธ.ค. 62)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขี้น 0.37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 60.44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 0.92 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 66.14 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังสหรัฐฯ และจีน สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าในระยะที่ 1 ได้ โดยสหรัฐฯ ยกเลิกแผนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา และปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลงครึ่งหนึ่ง ขณะที่ จีนจะเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพิ่มเติม
นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้น สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ธ.ค.
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web