- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Thursday, 11 January 2018 19:23
- Hits: 10760
ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวสูงขึ้น หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเวลา 8 สัปดาห์
+ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ม.ค. 61 ปรับตัวลดลงสูงถึง 4.9 ล้านบาร์เรล โดยเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ไปอยู่ที่ระดับ 419.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงเพียง 3.9 ล้านบาร์เรล ทางด้านปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล
+ นอกจากนี้ EIA รายงานว่า กำลังการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 290,000 บาร์เรลต่อวัน ไปอยู่ที่ระดับ 9.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดในสหรัฐฯ
+ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนหลังค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินในตะกร้าหลัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ประเทศจีนอาจจะชะลอหรือยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งประเทศจีนเป็นผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รายใหญ่ที่สุดในโลก
- อย่างไรก็ตาม EIA ได้เปิดเผยรายงานการคาดการณ์ว่า สหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบไปเหนือระดับ 10 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในเดือน ก.พ. 61
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังประเทศจีนเตรียมเคร่งครัดการจัดเก็บภาษีสำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมให้เข้มงวดมากขึ้น โดยจะมีผล 1 มี.ค. นี้
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากความต้องการนำเข้าน้ำมันดีเซลในเอเชียปรับตัวลดลง ประกอบกับอุปทานค่อนข้างทรงตัว อย่างไรก็ตาม ราคาได้รับแรงหนุนหลังประเทศจีนเตรียมที่จะเคร่งครัดการจัดเก็บภาษีผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมโดยเริ่มต้นเดือน มี.ค. นี้
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 59-64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 66-71 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาสถานการณ์การประท้วงที่ประเทศอิหร่าน หลังประชาชนไม่พอใจกับการทำงานของรัฐบาล เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ และการปกครองของประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี และเหล่าผู้นำทางศาสนา ซึ่งเหตุการณ์นี้นำมาสู่การเข้าจับกุมผู้ประท้วงจำนวนหนึ่ง สร้างความไม่พอให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ โดยทางรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาแถลงการณ์ประณามเหตุจับกุมดังกล่าวและสนับสนุนผู้ประท้วงชาวอิหร่านในการเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐาน และต่อต้านคอร์รัปชัน ทำให้หลายคนกังวลว่าเหตุการณ์นี้อาจนำไปสู่การคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน การประท้วงไม่ได้กระทบต่อการผลิต และการส่งออกน้ำมันแต่อย่างใด
ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากสหราชอาณาจักร และลิเบียมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forties Pipeline System กำลังการขนส่ง 450,000 บาร์เรลต่อวัน กลับมาดำเนินการตามปกติ หลังพบรอยร้าว และต้องปิดซ่อมบำรุงตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ท่อขนส่งน้ำมันดิบในลิเบียที่ขนส่งน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตน้ำมันดิบของบริษัท Waha Oil ไปยังท่าเรือ Es Sider สามารถกลับมาดำเนินการอีกครั้งเช่นกัน หลังจำเป็นต้องลดกำลังการขนส่งลงราว 70,000-100,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากถูกโจมตีโดยผู้ก่อความไม่สงบภายในประเทศ