- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Thursday, 21 December 2017 20:05
- Hits: 6415
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่ม หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับท่อขนส่งน้ำมันดิบในทะเลเหนือยังคงปิดซ่อมบำรุง
+ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 ธ.ค. 60 ปรับลดลง 6.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งปรับลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยเป็นผลมาจากการส่งออกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการปรับเพิ่มกำลังการกลั่นของโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ ซึ่งตัวเลขกำลังการกลั่นล่าสุดสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปในช่วงเวลาเดียวกัน
+ ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากการปิดซ่อมบำรุงของท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forties ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. 60 หลังพบรอยรั่ว ซึ่งท่อดังกล่าวขนส่งน้ำมันดิบจากทะเลเหนือมีกำลังการขนส่งปริมาณ 450,000 บาร์เรลต่อวัน โดยคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาปิดซ่อมบำรุงประมาณ 2-4 สัปดาห์
+ ผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของคูเวตเปิดเผยว่าผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกปรับเพิ่มความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 122 ในเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่การเริ่มข้อตกลงในเดือน ม.ค.
- อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงกลางปี 60 ไปอยู่ที่ระดับ 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยนักวิเคราะห์คาดว่ากำลังการผลิตของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นไปเหนือระดับ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะสูงใกล้เคียงกับกำลังการผลิตของซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์และอุปทานของน้ำมันเบนซินในเอเชียยังคงอยู่ในภาวะสมดุลอย่างไรก็ตาม การส่งออกน้ำมันเบนซินจากจีนในเดือน พ.ย. 60 อยู่ที่ 11.43 ล้านตัน ซึ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าอยู่ร้อยละ 7.7
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตน้ำมันดีเซลเพิ่มการส่งออกมากขึ้นเพื่อลดปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังก่อนสิ้นปี
ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 54-59 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 60-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน จากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำหลังท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone กำลังการขนส่งราว 590,000 บาร์เรลต่อวัน ยังไม่สามารถกลับมาดำเนินการได้เต็มกำลังการขนส่ง นอกจากนี้โรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ยังคงกำลังการผลิตในระดับสูงต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 ธ.ค. ปรับลดลง 6.5 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ประมาณ 436.5 ล้านบาร์เรล
จับตาสถานการณ์การปิดซ่อมบำรุงท่อขนส่งน้ำมันดิบในทะเลเหนือว่าจะสามารถกลับมาดำเนินการในเร็วนี้ได้หรือไม่ หลังพบรอยร้าวที่ท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forties ส่งผลให้ต้องมีการหยุดดำเนินการท่อขนส่งน้ำมันดิบซึ่งมีกำลังการขนส่งอยู่ที่ 450,000 บาร์เรลต่อวัน โดยทันทีและมีการลดกำลังการผลิตลง โดยบริษัท Ineos ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการท่อขนส่งน้ำมันดิบดังกล่าวคาดจะใช้ระยะเวลาหลายสัปดาห์ในการซ่อมแซมท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forties
ผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี 2561 และจากการประมาณการของโอเปก ตลาดน้ำมันดิบจะเข้าสู่ภาวะขาดดุลที่ราว 700,000 บาร์เรลต่อวันในปีหน้า โดยล่าสุดในเดือน ม.ค. ซาอุดิอาระเบียปรับลดปริมาณการส่งออกลง 100,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนก่อนหน้าไปยังตลาดเอเชีย ขณะที่คงปริมาณการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และยุโรปในระดับเดิม นอกจากนี้ อัตราการร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตกลุ่มโอเปกได้เพิ่มขึ้นมาแตะระดับที่ร้อยละ 122 ในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา