- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 18 December 2017 19:01
- Hits: 13705
ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 54-59 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (18 – 22 ธ.ค. 60)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดจะทรงตัวจากสัปดาห์ก่อนหน้า จากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดจะปรับลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จากแคนาดาที่ยังคงอยู่ในระดับที่จำกัด นอกจากนั้น ปริมาณน้ำมันดิบในแถบทะเลเหนือได้หายไปจากตลาด เนื่องจากมีการซ่อมแซมท่อขนส่งน้ำมันดิบซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาหลายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2513 ที่ระดับ 9.78 ล้านบาร์เรลต่อวันและคาดจะแตะระดับ 10 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน จากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำหลังท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone กำลังการขนส่งราว 590,000 บาร์เรลต่อวัน ยังไม่สามารถกลับมาดำเนินการได้เต็มกำลังการขนส่ง นอกจากนี้โรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ยังคงกำลังการผลิตในระดับสูงต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ธ.ค. ปรับลดลง 5.1 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีที่ประมาณ 443 ล้านบาร์เรล
จับตาสถานการณ์การปิดซ่อมบำรุงท่อขนส่งน้ำมันดิบในทะเลเหนือว่าจะสามารถกลับมาดำเนินการในเร็วนี้ได้หรือไม่ หลังพบรอยร้าวที่ท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forties ส่งผลให้ต้องมีการหยุดดำเนินการท่อขนส่งน้ำมันดิบซึ่งมีกำลังการขนส่งอยู่ที่ 450,000 บาร์เรลต่อวัน โดยทันที บริษัท INEOS ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการท่อขนส่งน้ำมันดิบดังกล่าวต้องประกาศการหยุดใช้ท่อและคาดจะใช้ระยะเวลาหลายสัปดาห์ในการซ่อมแซมท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forties
ผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี 2561 และจากประมาณการของโอเปก ปริมาณน้ำมันดิบจำนวน 700,000 บาร์เรลต่อวันจะขาดหายไปในปีหน้า โดยล่าสุดในเดือน ม.ค.61ซาอุดิอาระเบียปรับลดปริมาณการส่งออกไปยังตลาดเอเชียลง 100,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่คงปริมาณการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และยุโรปในระดับเดิม นอกจากนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ส ประเมินว่า ผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกปรับเพิ่มความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 121 จากเดือน ต.ค. ที่ร้อยละ 100
การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบมาสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 60 ที่ระดับ 751 แท่น ซึ่งสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ธ.ค.61 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 16 จากกลางปีก่อนหน้าและเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513 โดยปริมาณการผลิตคาดจะแตะระดับ 10 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ GDP ไตรมาส 3 ปี 60 ของสหรัฐฯ และการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐฯ
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (11 – 15 ธ.ค. 60)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 0.06 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 57.30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลง 0.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 63.23 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 61.04 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังเผชิญกับแรงกดดันจากแรงเทขายทำกำไรหลังราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา รวมถึง ปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน ส่งผลให้ตลาดกังวลว่าความต้องการใช้น้ำมันจะปรับลดลงในอนาคต โดย EIA รายงานปริมาณน้ำมันเบนซิน สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ธ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ 2.5 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลง 5.1 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 443 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 58 หลังปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับลดลง นอกจากนี้ การปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของท่อขนส่งน้ำมันดิบในทะเลเหนือ ซึ่งสามาถขนส่ง 450,000 บาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบตึงตัวมากขึ้นและสนับสนุนราคาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง