- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 12 December 2017 09:44
- Hits: 1581
ราคาน้ำมันดิบปรับลด จากปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้น
บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 11 ธันวาคม 2560
ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 54-59 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 60-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ ( 11 – 15 ธ.ค. 60)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ปรับลดลงเล็กน้อย เนื่องจากอุปทานน้ำมันดิบจากสองประเทศยักษ์ใหญ่อย่าง สหรัฐฯ และรัสเซีย มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว นอกจากนี้ ยังต้องจับตาความเป็นไปได้ที่ท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone กำลังการขนส่งราว 590,0000 บาร์เรลต่อวัน อาจกลับมาดำเนินอีกครั้งเร็วๆ นี้ โดยการกลับมาของท่อขนส่งน้ำมันดิบอาจส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากความร่วมมือของผู้ผลิตกลุ่มโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบโลกไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้มากนัก
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับเหนือ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยการปรับเพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale oil) ซึ่งคาดการณ์ในเดือนธ.ค. 60 ปริมาณการผลิตจะปรับเพิ่มขึ้นราว 80,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา สู่ระดับ 6.174 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในสัปดาห์ล่าสุด ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้นราว 25,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.71 ล้านบาร์เรลต่อวัน
จับตาการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone กำลังการขนส่งราว 590,0000 บาร์เรลต่อวัน ว่าจะกลับมาดำเนินการตามปกติเร็วๆ นี้หรือไม่ หลังท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว เนื่องจากตรวจพบการรั่วไหลของน้ำมันราว 5,000 บาร์เรล ในพื้นที่ South Dakota ซึ่งการกลับมาของท่อขนส่งน้ำมันดิบดังกล่าวจะส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จากแคนาดาปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และอาจทำให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นได้
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ถึงแม้ว่ารัสเซียยังคงยืนยันที่จะเข้าร่วมการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก หลังคาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือนม.ค. 61 จากแหล่งผลิต Sakhalin-1 ปรับเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับระดับปัจจุบัน สู่ระดับ 250,000 บาร์เรลต่อวัน และมีแนวโน้มว่ากำลังการผลิตจะปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 260,000 บาร์เรลต่อวัน ในไตรมาส 1 ปี 2561 จากระดับ 190,000 บาร์เรลต่อวัน ในปี 2560
ความร่วมมือของผู้ผลิตกลุ่มโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิตมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง หลังบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย Saudi Aramco ประกาศปรับเพิ่มราคา (Official Selling Price: OSP) ต่อเนื่อง โดยล่าสุด Saudi Aramco ประกาศเพิ่มราคา OSP ในเดือนม.ค. 61 สำหรับน้ำมันดิบทุกชนิด ที่ขายให้ลูกค้าเอเชีย นอกจากนี้ กำลังการผลิตน้ำมันดิบในกลุ่มโอเปกยังถูกจำกัด เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในหลายประเทศยังไม่คลี่คลาย เช่น ลิเบีย และไนจีเรีย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม อิรักมีแนวโน้มส่งออกน้ำมันดิบได้มากขึ้น หลังจากเริ่มเจรจากับอิหร่านเกี่ยวกับการส่งออกน้ำมันดิบจากพื้นที่ Kirkuk ราว 30,000 บาร์เรลต่อวัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกจีน ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ และดัชนีภาคการบริการสหรัฐฯ
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (4 – 8 ธ.ค. 60)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 1.00 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 57.36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลง 0.33 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 63.40 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังนักลงทุนกังวลกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการเทขายสัญญาน้ำมันดิบเพื่อทำกำไร นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ รายงานโดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 1 ธ.ค. ปรับเพิ่มขึ้นราว 6.8 ล้านบาร์เรล จากความต้องการใช้ในสหรัฐฯ ที่ปรับลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก ประกอบกับ ความต้องการใช้น้ำมันดิบในจีนปรับตัวสูงขึ้น โดยปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในเดือนพ.ย. ปรับเพิ่มขึ้นราว 9.01 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา สู่ระดับ 7.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดอันดับสองเป็นประวัติการณ์