- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 12 December 2017 09:41
- Hits: 1628
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความต้องการใช้น้ำมันจีนที่ยังคงแข็งแกร่ง
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 1 จากความต้องการใช้น้ำมันในจีนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และความตึงเครียดในไนจีเรีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของแอฟริกา
+ ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในเดือน พ.ย. 60 ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 9.01 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 7.3 ล้านบาร์เรลต่อวันจากเดือนก่อนหน้า และแตะระดับสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในรอบประวัติการณ์ ส่งผลให้จีนอาจกลายเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก แทนที่สหรัฐฯ ภายในปีนี้
- CFTC รายงานสถานะการลงทุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า ICE ที่ลอนดอนและ NYMEX ที่นิวยอร์ก สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ธ.ค.60 กลุ่มผู้จัดการกองทุนลดสถานะถือครองสุทธิ (Net Long Position) ลงจากสัปดาห์ก่อน 9,135 สัญญา มาอยู่ที่ 442,742 สัญญา เนื่องจากความกังวลในเรื่องของอุปทานน้ำมันจากสหรัฐฯ ที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น
- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณการผลิตของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงที่สุดในรอบ 47 ปี ที่ 9.71 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ธ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สามที่ 2 แท่น มาอยู่ที่ 751 แท่น แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 60
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปสงค์ในทวีปเอเชียที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอินโดนีเซีย เนื่องจากโรงกลั่นภายในประเทศปิดซ่อมบำรุง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคและตะวันออกกลาที่ยังคงอยู่ในระดับที่ดีง อย่างไรก็ตาม น้ำมันดีเซลคงคลังในสิงคโปร์ที่เพิ่มมากขึ้นแตะระดับที่ 11.251 ล้านบาร์เรล ยังคงเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดีเซลในภูมิภาค
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
* ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 54 - 59 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
* ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 54 - 59 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับเหนือ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยการปรับเพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale oil) ซึ่งคาดการณ์ในเดือนธ.ค. 60 ปริมาณการผลิตจะปรับเพิ่มขึ้นราว 80,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา สู่ระดับ 6.174 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในสัปดาห์ล่าสุด ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้นราว 25,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.71 ล้านบาร์เรลต่อวัน
จับตาการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone กำลังการขนส่งราว 590,0000 บาร์เรลต่อวัน ว่าจะกลับมาดำเนินการตามปกติเร็วๆ นี้หรือไม่ หลังท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว เนื่องจากตรวจพบการรั่วไหลของน้ำมันราว 5,000 บาร์เรล ในพื้นที่ South Dakota ซึ่งการเปิดท่อขนส่งน้ำมันดิบจะส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จากแคนาดาปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และอาจทำให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นได้
ความสัมพันธ์ระหว่างเวเนซุเอลากับจีนมีความตึงเครียดมากขึ้นและอาจส่งผลให้เวเนซุเอลาเผชิญกับภาวะวิกฤตของเศรษฐกิจในปีหน้า หลังบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนมีการฟ้องร้องบริษัทน้ำมันของเวเนซุเอลาที่ไม่สามารถชำระหนี้ตามข้อตกลง ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจรจาต่ออายุเงินกู้ยืมและหนี้สินกับประเทศจีน