- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 04 December 2017 18:56
- Hits: 15667
ไทยออยล์ คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 4-8 ธ.ค. 60 และสรุปสถานการณ์ฯ 27 พ.ย. - 1 ธ.ค. 60
ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 56-61 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 61-66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ ( 4 – 8 ธ.ค. 60)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดจะทรงตัว หลังกลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกขยายระยะเวลาของข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบออกไป 9 เดือน จากเดิมที่สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2561 ในการประชุมโอเปกวันที่ 30 พ.ย.นี้ นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงสนับสนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดจะปรับลดลงหลังปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จากแคนาดาปรับลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบและการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
การขยายระยะเวลาของข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกโอเปกออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปี 2561 จากเดิมที่สิ้นสุดในเดือน มี.ค. 61 ส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบของโอเปกทั้ง 12 ประเทศและผู้ผลิตนอกโอเปกทั้ง 10 ประเทศจะปรับเพิ่มขึ้นในกรอบจำกัด หลังปริมาณน้ำมันคงคลังของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (OECD Oil Stocks) ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าระดับเฉลี่ย 5 ปี ที่ราว 140 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตของไนจีเรียและลิเบียจะถูกจำกัดอยู่ที่ 1.8 และ 1.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ โดยกลุ่มผู้ผลิตจะทบทวนข้อตกลงดังกล่าวอีกครั้งในการประชุมโอเปกในเดือน มิ.ย. 61 หากอุปสงค์ในตลาดปรับสูงขึ้น
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะปรับลดลงต่อเนื่อง หลังปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จากแคนาดาคาดจะปรับลดลงต่อเนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone ซึ่งมีกำลังการขนส่งอยู่ที่ 590,000 บาร์เรลต่อวัน หลังพบน้ำมันดิบรั่วและคาดจะใช้ระยะเวลากว่า 3-4 สัปดาห์จึงจะกลับมาดำเนินการได้เต็มกำลังการขนส่ง ประกอบกับโรงกลั่นที่คงกำลังการผลิตในระดับสูงต่อเนื่อง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 พ.ย. ปรับลดลง 3.4 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ 453.71 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล
จับตาปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ หลังราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นมาสู่ระดับ 749 แท่น ปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากจากปีก่อนหน้าที่อยู่เพียง 477 แท่น โดยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นมาแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.68 ล้านบาร์เรลต่อวันและคาดจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปอยู่ที่ระดับ 9.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนหน้า ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐฯ ต้องส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มมากขึ้น
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการบริการสหรัฐฯ ดัชนีภาคการบริการจีน และดัชนีภาคการบริการยูโรโซน และ GDP ไตรมาส 3/60 ของยูโรโซน
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (27 พ.ย. – 1 ธ.ค. 60)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 0.59 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 58.36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลง 0.13 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 63.73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 60.60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของผลสรุปในการขยายระยะเวลาของข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากกลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก นอกจากนี้ ท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone ได้ทยอยกลับมาเริ่มใช้งานต่อในกำลังขนส่งที่น้อยลงกว่าเดิม รวมถึงการปรับเพิ่มอย่างต่อเนื่องของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับที่สูง จากข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกที่ผ่านมาได้มีผลกระทบต่อตลาด ทำให้ตลาดน้ำมันดิบตึงตัวมากขึ้นจากต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากปริมาณน้ำมันคงคลังของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (OECD Oil Stocks) ในเดือน ก.ย. ที่ลดลงไปกว่า 154 ล้านบาร์เรล ซึ่งนับเป็นครึ่งทางของการนำปริมาณน้ำมันคงคลังลงสู่ระดับเฉลี่ย 5 ปี