- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 13 November 2017 19:22
- Hits: 2504
ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังจำนวนแท่นขุดเจาะสหรัฐฯ เพิ่ม
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และความคาดหวังในเรื่องของการขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตกลุ่มโอเปก
- Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 9 แท่น มาอยู่ที่ 738 แท่น ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 จากทั้งหมดสามสัปดาห์
- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในปลายปีนี้ และจะแตะระดับที่ 10 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2561
+ ความเชื่อมั่นว่าโอเปกจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตได้ในการประชุมวันที่ 30 พ.ย. หลังเลขาธิการของกลุ่มโอเปก เผยว่ายังไม่มีประเทศใดที่คัดค้านการขยายระยะเวลาในการปรับลดกาลังการผลิต
+ สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงทวีความรุนแรงขึ้น หลังเลบานอนได้ถูกดึงเข้าสู่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน โดยล่าสุดหัวหน้ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนแถลงว่า ซาอุดีอาระเบียได้ประกาศสงครามกับเลบานอนแล้ว
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการใช้ในภูมิภาคที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ และสิงคโปร์ที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงสนับสนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังที่สิงคโปร์ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ราคายังคงได้รับแรงกดดันจากอุปทานจากอินเดียและอียิปต์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 60-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
การขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกมีความเป็นไปได้มากขึ้น หลังยังไม่มีประเทศใดคัดค้านข้อตกลงนี้ นอกจากนี้เลขาธิการกลุ่มโอเปก เผยว่า โอเปกกำลังหาทางบรรลุข้อตกลงในการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตให้ได้ก่อนการประชุมในวันที่ 30 พ.ย. เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าว
ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านซึ่งเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังรัฐบาลซาอุดิอาระเบียกล่าวหาอิหร่านว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์การโจมตีด้วยขีปนาวุธไปยังสนามบินนานาชาติคิงคาลิดทางเหนือของกรุงริยาด ซึ่งกระทำโดยกลุ่มกบฏฮูธีในเยเมน รวมถึงเหตุการณ์ในเลบานอนที่มีการเพิกเฉยในการกวาดล้างกลุ่มฮิสบอลลาห์ (Hezbollah) ซึ่งหนุนโดยอิหร่าน ประกอบกับ นายกรัฐมนตรีเลบานอนของนายซาอัด ฮาริรี ซึ่งเป็นพันธมิตรกับซาอุดิอาระเบียประกาศลาออกจากตำแหน่ง
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปรับขึ้นหลักๆ มาจากการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 พ.ย. ปรับเพิ่มขึ้นราว 67,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 9.62 ล้านบาร์เรลต่อวัน