- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 07 November 2017 18:56
- Hits: 4932
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังการปราบปรามคอรัปชั่นครั้งใหญ่ในซาอุดิอาระเบีย
+ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มราว 3.5% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2558 จากปฏิบัติการปราบปรามคอรัปชั่นครั้งใหญ่ในประเทศซาอุดิอาระเบีย นำโดยเจ้าชาย Mohammed bin Salman มกุฏราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย หลังทรงมีคำสั่งควบคุมตัวเจ้าชายและรัฐมนตรีหลายสิบคนในข้อหาทุจริตคอรัปชั่น โดยมีเจ้าชาย Alwaleed bin Talal มหาเศรษฐีระดับโลก และเจ้าชาย Miteb bin Abdullah ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันประเทศรวมอยู่ในนั้นด้วย
+ นาย Khalid al-Falih รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดิอาระเบียกล่าวแสดงความพึงพอใจต่อความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบจาก 24 ประเทศ และต้องดำเนินการต่อไปเพื่อทำให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังทั่วโลกปรับลดลง
+ นาย Emmanuel Ibe Kachikwu รัฐมนตรีน้ำมันของประเทศไนจีเรียออกมาสนับสนุนการต่อระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบจนถึงสิ้นปี 2561 อย่างไรก็ตาม ไนจีเรียเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการยกเว้นสำหรับข้อตกลงลดกำลังการผลิตนี้
+ Barclays ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2560 ขึ้น 6 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และสำหรับปี 2561 เพิ่มขึ้น 3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ในน้ำมันเบนซินยังอยู่ในระดับดี โดยมีความต้องการจากประเทศไต้หวัน อย่างไรก็ตาม อุปทานมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากการส่งออกของประเทศจีน
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปสงค์ที่ยังคงแข็งแกร่งในภูมิภาค โดยมีปัจจัยกดดันจากอุปทานหลังโรงกลั่นในภูมิภาคมีอัตราการกลั่นในระดับสูง
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 54-59 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 60-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาท่าทีของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกว่าจะขยายระยะเวลาของข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตที่ราว 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปเท่าไหร่ ในการประชุมโอเปกวันที่ 30 พ.ย.นี้ โดยซาอุดิอาระเบียยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเพื่อลดปริมาณน้ำมันคงคลังของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (OECD oil stocks) ให้กลับมาสู่ระดับปกติที่ระดับค่าเฉลี่ย 5 ปี ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของรัสเซียที่สนับสนุนให้กลุ่มผู้ผลิตขยายระยะเวลาของข้อตกลงออกไปเพื่อทำการปรับลดอุปทานน้ำมันส่วนเกินในตลาด
การส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาน้ำมันดิบโลกค่อนข้างมาก รวมถึงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 ต.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวันและคาดจะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องที่มากกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน หลังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับลดลง โดย EIA รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลง 2.1 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ 454.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกาณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล