- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 10 October 2017 23:29
- Hits: 8687
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังโอเปกส่งสัญญาณว่ามีแนวโน้มที่จะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิต
+ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ (โอเปก) ส่งสัญญาณว่ามีแนวโน้มที่จะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตให้เกินกว่าเดือน มี.ค. 61 ที่เคยได้ตกลงไว้เมื่อก่อนหน้านี้ โดยเลขาธิการของกลุ่มโอเปกกล่าวว่า สมาชิกกลุ่มโอเปกกำลังหารือกันที่จะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่ม รวมทั้งจะมีประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่จะเข้าร่วมการปรับลดกำลังการผลิตจำนวนมากขึ้น โดยจะมีการจัดประชุมที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 30 พ.ย. นี้
+ โรงกลั่นน้ำมัน Total ในรัฐเท็กซัส ซึ่งมีกำลังการผลิต 225,500 บาร์เรลต่อวัน สามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้อีกครั้ง หลังถูกพายุเฮอร์ริเคน Harvey เข้าพัดถล่ม ส่งผลให้หยุดดำเนินการผลิตไปตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ส.ค. 60
+ โรงกลั่นน้ำมันในรัฐหลุยเซียนา มิสซิสซิปปี้ และอลาบามา เตรียมกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้ง หลังจากหยุดดำเนินการผลิตเพื่อเตรียมรับมือกับพายุเฮอร์ริเคน Nate ที่เข้าพัดถล่มในช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยล่าสุดพายุเฮอร์ริเคน Nate ที่พัดถล่มเมืองชายฝั่งทางตอนกลางของสหรัฐฯ ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้วหลังพัดขึ้นแถบเมืองชายฝั่งของเม็กซิโก รวมถึงรัฐมิสซิสซิปปี้
- ผู้ผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกสามารถกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้ง หลังพายุเฮอร์ริเคน Nate พัดผ่านไป โดยแหล่งผลิตน้ำมันดิบบริเวณอ่าวเม็กซิโกได้หยุดดำเนินการผลิตไปกว่าร้อยละ 85 ของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบบริเวณอ่าวเม็กซิโก
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังในสิงคโปร์และสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการส่งออกน้ำมันเบนซินที่ลดลงในจีน ประกอบกับอุปสงค์ที่ยังเติบโตในอินเดีย ศรีลังกา และปากีสถาน
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ที่ยังคงเบาบางในภูมิภาค ประกอบกับการส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากประเทศอินเดีย อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดีเซลยังคงได้รับแรงหนุนจากปริมาณสต็อกน้ำมันชนิดกลางในประเทศสิงคโปร์ที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะปรับลดลง จากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบที่ปรับลดลงและกำลังการกลั่นที่คาดจะทรงตัวในระดับสูง หลังโรงกลั่นที่ได้รับผลกระทบจากพายุ Harvey เริ่มกลับมาดำเนินการผลิต โดยในสัปดาห์ล่าสุด EIA รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 ก.ย. 60 ปรับลดลงราว 6.0 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 464 ล้านบาร์เรล ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันและมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 0.76 ล้านบาร์เรล
การผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกคาดจะปรับลดลงต่อเนื่อง หลังกลุ่มผู้ผลิตยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่อง โดยล่าสุดกลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกอยู่ระหว่างการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตว่าจะมีการออกมาตรการเพิ่มเติมโดยการขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตจากเดิมที่สิ้นสุดเดือน มี.ค. 61 หรือมีการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมจากเดิมที่ได้ตกลงกันไว้ว่าจะปรับลดลง 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือไม่ โดยในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมาผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกปรับเพิ่มความร่วมมือขึ้นมาจาก 85% มาอยู่ที่ 94% ในขณะที่ผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกปรับเพิ่มความร่วมมือมาสู่ระดับ 119% ซึ่งนับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับ 100% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการปรับลดกำลังการผลิตมา
จับตาสถานการณ์ความตึงเครียดในอิรักว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นหรือไม่ หลังรัฐบาลท้องถิ่นในภูมิภาคเคอร์ดิสถาน (KRG) เขตกึ่งปกครองตนเองทางเหนือของอิรัก ลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชจากอิรักในวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา ประเด็นดังกล่าวสร้างความกังวลใหกับหลายประเทศว่าปัญหาดังกล่าวจะอาจจะเป็นภัยคุกคามในภูมิภาคตะวันออกกลางได้ ส่งผลให้หลายประเทศ อาทิเช่น ตุรกีขู่จะปิดท่อขนส่งน้ำมันดิบ กำลังการขนส่ง 500,000-600,000 บาร์เรลต่อวัน ที่ลำเลียงน้ำมันดิบจากทางตอนเหนือของอิรักที่ถูกควบคุมโดย KRG ไปยังท่าเรือ Ceyhan ของตุรกี ซึ่งอาจส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบตึงตัวมากขึ้น