- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Thursday, 05 October 2017 22:32
- Hits: 4178
ราคาน้ำมันดิบปรับลดต่อ หลังการส่งออกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ประกอบกับแหล่งผลิตน้ำมันดิบลิเบียกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง
-ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงต่อเนื่อง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 1.98 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสอดคล้องกับการผลิตน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ซึ่งตัวเลขกำลังการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ สิ้นเดือน ก.ย. 60 อยู่ที่ระดับ 9.56 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 58
- นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากกำลังการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในประเทศลิเบีย เนื่องจากแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในลิเบียกำลังการผลิตสูงกว่า 230,000 บาร์เรลต่อวัน สามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้อีกครั้ง หลังจากหยุดดำเนินการผลิตและประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อคืนวันที่ 1 ต.ค. 60
+ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของ EIA ที่ระบุว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 ก.ย. 60 ปรับตัวลดลง 6 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงเพียง 756,000 บาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันดิบสหรัฐฯ ฝั่งอ่าวเม็กซิโกสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้ตามปกติ หลังปิดดำเนินการในช่วงที่พายุเฮอร์ริเคน Harvey เข้าพัดถล่ม
+/- ในขณะที่ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ ในเดือน ก.ย. 60 เพิ่มขึ้นเพียง 135,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขในเดือน ส.ค. 60 ที่ตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้น 228,000 ตำแหน่ง หลังได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน Harvey
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากโควต้าการส่งออกน้ำมันเบนซินของประเทศจีนที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเบนซินยังคงได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ในประเทศเกาหลีใต้ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังประเทศอินโดนีเซียประกาศตัวเลขการนำเข้าน้ำมันดีเซลลดลงร้อยละ 4 ในเดือน ก.ค. อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ยังคงปรับตัวดีขึ้นจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และประเทศแอฟริกาใต้ ที่ยังคงมีความต้องการนำเข้าน้ำมันดีเซลอย่างต่อเนื่อง
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 48-53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันคุ้มทุนที่จะเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบ โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในเดือนต.ค. 61 ปรับเพิ่มขึ้นราว 79,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นจากการกลับมาดำเนินการอีกครั้งของผู้ผลิตในพื่นที่ชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก หลังผ่านช่วงการพัดถล่มของพายุ Harvey
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 6 ล้านบาร์เรล หลังโรงกลั่นส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุ Harvey กลับมาดำเนินการเต็มกำลังตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา
จับตาสถานการณ์ความตึงเครียดที่ประเทศอิรัก หลังรัฐบาลท้องถิ่นในภูมิภาคเคอร์ดิสถาน (KRG) เขตกึ่งปกครองตนเองทางเหนือของอิรัก จัดการลงประชามติเรื่องการแยกตัวเป็นเอกราชจากอิรักในวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าประชามติครั้งนี้จะยังไม่มีผลผูกมัดทางกฎหมาย แต่ก็สร้างความไม่พอใจให้กับนานาประเทศ รวมถึงรัฐบาลอิรัก และประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ตุรกี และอิหร่าน ซึ่งเกรงว่าการกระทำครั้งนี้จะทำให้ชาวเคิร์ดในประเทศอื่นในตะวันออกกลางกระทำตาม และล่าสุดนาย Tayyip Erdogan ประธานาธิบดีตุรกี ขู่จะปิดท่อขนส่งน้ำมันดิบ กำลังการขนส่ง 500,000-600,000 บาร์เรลต่อวัน ที่ลำเลียงน้ำมันดิบจากทางตอนเหนือของอิรักที่ถูกควบคุมโดย KRG ไปยังท่าเรือ Ceyhan ของตุรกี ซึ่งอาจส่งผลให้อุทานน้ำมันดิบตึงตัวมากขึ้น