WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

OIL47ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ ทะยอยกลับมาดำเนินการผลิตตามปกติ

 

 +ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นมากกว่าร้อยละ 2 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการกลับมาดำเนินการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไปของโรงกลั่นในรัฐเท็กซัส ที่ได้รับความเสียหายจากพายุเฮอร์ริเคน Harvey ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น

 + Motiva ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ กำลังเริ่มเดินเครื่องหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ (Crude Distillation Unit) ที่มีขนาด 603,000 บาร์เรลต่อวัน ณ Port Arthur รัฐเท็กซัส หลังต้องปิดดำเนินการไปเมื่อวันที่ 30 ส.ค. โดยโฆษกของบริษัทฯ กล่าวว่า อัตราการผลิตของหน่วยดังกล่าวจะปรับขึ้นไปอยู่ราวร้อยละ 40 ของกำลังการผลิตทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม หน่วยผลิตอื่นๆ ที่มีอุปกรณ์บนพื้นราบยังคงไม่สามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมที่ยังไม่คลี่คลาย และคาดว่าอาจต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมมากกว่า 1 เดือน

  +/- นาย Alexander Novak รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของรัสเซียได้เปิดเผยกับ TASS News Agency ว่า รัสเซียและซาอุดิอาระเบียได้มีการหารือถึงความเป็นไปได้ในการขยายเวลาลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมหลังช่วงไตรมาส 1 ปี 2561 เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้มีข้อสรุปที่แน่ชัดจากการพูดคุยดังกล่าว

  + นอกจากนี้ ตลาดจับตามองทิศทางการเคลื่อนที่ของพายุเฮอร์ริเคน Irma ซึ่งได้พัฒนาความรุนแรงสู่ระดับ 5 นับว่าเป็นระดับที่มีความรุนแรงสูงสุด มีความเร็วกว่า 295 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดย U.S. National Hurricane Center เปิดเผยคาดการณ์ว่าพายุลูกดังกล่าวมีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าสู่รัฐฟลอริด้าในวันเสาร์ที่จะถึงนี้

               ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ เริ่มกลับมาดำเนินการผลิตตามปกติ อย่างไรก็ตาม ตลาดเอเชียยังได้รับแรงสนับสนุนจากปริมาณน้ำมันเบนซินฝั่งตะวันตกที่เข้ามาในตลาดเอเชียลดลง ส่งผลให้อุปทานค่อนข้างตึงตัว

  ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยผู้ค้าน้ำมันดีเซลในภูมิภาคเอเชียสามารถส่งออกน้ำมันไปขายยังฝั่งตะวันตกได้เพิ่มขึ้นจากความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเป็นผลของอุปทานน้ำมันดีเซลในฝั่งตะวันตกที่ปรับลดลงจากการที่ผู้ค้าในสหรัฐฯ ไม่สามารถผลิตน้ำมันดีเซลได้ตามปก

 

 

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

   ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

   ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 49-54 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

 

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  การปรับลดลงของปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดว่าจะชะลอตัว เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดิบเพื่อกลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวลดลง หลังพายุ Harvey ทำให้โรงกลั่นน้ำมันดิบ ท่าขนส่งน้ำมันดิบ แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบ และท่อขนส่งน้ำมันหลายแห่งต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว นอกจากนี้ ยังมีโรงกลั่นบางโรงที่ไม่ได้ปิดชั่วคราวจำเป็นต้องลดอัตราการกลั่นลง

  ติดตามพายุ Harvey ในอ่าวเม็กซิโกที่เคลื่อนตัวเข้าชายฝั่งทางทะเลทิศใต้ของรัฐเท็กซัส ซึ่งล่าสุดได้มีการปรับลดระดับจากพายุโซนร้อนเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว ว่าจะส่งผลกระทบกระทบต่อตลาดน้ำมันเป็นระยะเวลานานหรือไม่ หลังพายุดังกล่าวส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมัน และแหล่งผลิตน้ำมันดิบบางแห่งในสหรัฐฯ หยุดดำเนินการ และความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป โดยเฉพาะ น้ำมันเบนซินปรับตัวลดลง โดยล่าสุดมีรายงานว่าโรงกลั่นที่ต้องหยุดดำเนินการมีกำลังการผลิตรวมกันมากกว่า 4.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็นราวร้อยละ 24 ของกำลังการผลิตของโรงกลั่นในสหรัฐฯ ทั้งหมด

  จับตาสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศลิเบีย ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียปรับตัวลดลงราว 360,000 บาร์เรลต่อวัน หลังล่าสุดผู้ก่อความไม่สงบปิดท่อขนส่งน้ำมันดิบ ส่งผลให้แหล่งผลิตน้ำมันดิบทั้งหมด 3 แหล่งได้แก่ El Sharara, El Feel และ Hamada ต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!