- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Friday, 25 August 2017 16:42
- Hits: 15488
ราคาน้ำมันดิบร่วง หลังเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์เตรียมพัดถล่มชายฝั่งสหรัฐฯ
-ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังสหรัฐฯ คาดการณ์พายุฤดูร้อน Harvey บริเวณอ่าวเม็กซิโก ยังคงสร้างความกังวลต่อนักลงทุน เนื่องจากมีโอกาสพัฒนาเป็นพายุเฮอร์ริเคนระดับ 3 ในช่วงปลายสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นเป็นพายุเฮอร์ริเคนที่รุนแรงที่สุดในรอบ 12 ปี และจะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในแถบชายฝั่งสหรัฐฯ ในรัฐเท็กซัส และหลุยเซียนา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขุดเจาะน้ำมันดิบและโรงกลั่นน้ำมันตลอดชายฝั่ง
- โรงกลั่นน้ำมันบางแห่งบริเวณชายฝั่งสหรัฐฯ เริ่มทยอยหยุดดำเนินการผลิตก่อนที่พายุเฮอร์ริเคนจะเข้ากระทบชายฝั่งในช่วงสุดสัปดาห์ ราว 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 10 ของปริมาณการผลิตของโรงกลั่นบริเวณ ชายฝั่งสหรัฐฯ
-zคาดว่าการส่งออกน้ำมันดิบและคอนเดนเสทในสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบจากเฮอร์ริเคน เนื่องจากท่าเทียบเรือบางส่วนเริ่มหยุดดำเนินการ
+ แหล่งผลิตน้ำมันบริเวณอ่าวเม็กซิโกบางส่วนเริ่มหยุดดำเนินการผลิต โดยแหล่งผลิตน้ำมันดิบกำลังการผลิต 0.17 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 9.7 ของกำลังการผลิตน้ำมันดิบบริเวณชายฝั่งสหรัฐฯ หยุดดำเนินการผลิตน้ำมันดิบแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับพายุเฮอร์ริเคน ขณะที่แหล่งผลิตน้ำมัน Shale เริ่มอพยพพนักงานออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมัน
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์เพิ่มเติมจากประเทศเคนย่า รวมถึงอุปสงค์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ประกอบกับสต็อกน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากมีแรงหนุนจากอุปสงค์ทางด้านอินโดนิเซียและศรีลังกาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการผลิตน้ำมันดีเซลในประเทศญี่ปุ่นปรับตัวลดลงร้อยละ 2.6 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 46-51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 49-54 เหรียญฯ สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะปรับลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้าจากโรงกลั่นที่คาดจะคงกำลังการกลั่นในระดับสูงต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ส.ค. ปรับลดลง 3.3 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 59 ที่ระดับ 463.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน ขณะที่ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ณ จุดส่งมอบ คุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับลดลงมาสู่ระดับ0.5 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบปีที่ระดับ 56.5 ล้านบาร์เรล
จับตาพายุฤดูร้อน Harvey ในอ่าวเม็กซิโก ที่กำลังเตรียมเคลื่อนที่เข้าชายฝั่งทางทะเลทิศใต้ของรัฐเทกซัสและมีโอกาสพัฒนาขึ้นเป็นพายุเฮอร์ริเคน(Hurricane) ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในบริเวณดังกล่าวอาทิเช่น Shell และ Anadarko ประกาศอพยพแรงงานออกจากแท่นขุดเจาะและประกาศหยุดการผลิตน้ำมันดิบลงชั่วคราวกว่า 170,000 บาร์เรลต่อวันหรือคิดเป็นร้อยละ 9.7 ของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในพื้นที่อ่าวเม็กซิโก โดยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกคิดเป็นร้อยละ 17 ของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบทั้งหมดของสหรัฐฯ
จับตาการขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ หลังราคาน้ำมันที่ปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ชะลอการขุดเจาะน้ำมันดิบและปรับลดงบลงทุนในปี 2560 ลง โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบ ปรับลดลง 5 แท่นมาอยู่ที่ 763 แท่น สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ส.ค. 60