- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Wednesday, 20 August 2014 21:39
- Hits: 2637
กกพ.เร่งเปิดเสรีธุรกิจท่อก๊าซลดผูกขาด
แนวหน้า :นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวถึงความสำคัญในการจัดทำข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดให้ใช้ หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติ และสถานีแอลเอ็นจีแก่บุคคล
ที่สาม Third Party Access Code หรือที่เรียกย่อว่า TPA Code ว่า จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่น สามารถใช้หรือเชื่อมต่อระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ หรือสถานีแอลเอ็นจีของตนเองได้ โดยทั้งผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อผ่านระบบส่งก๊าซธรรมชาติ และผู้รับใบอนุญาตเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซ จะต้องเสนอ TPA Code ให้ กกพ. พิจารณาก่อนการประกาศใช้
“TPA Regime ฉบับนี้ถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซ มีการใช้งานอย่างเต็มสมรรถนะ ลดการผูกขาด และทำให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจการค้าก๊าซธรรมชาติมากขึ้น สุดท้ายผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติจะได้รับประโยชน์ด้านราคาจากกลไกการแข่งขันดังกล่าว” นายวีระพล กล่าว
ด้านนายสรัญ รังคสิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มปิโตเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงโครงการศึกษาท่อส่งน้ำมันของประเทศ ที่ ปตท.กำลังศึกษานั้น พบว่า ผลตอบแทนการลงทุนต่ำมากไม่ถึง 10% ของการลงทุน ซึ่งตามปกติหากการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนต่ำดังกล่าว ภาครัฐต้องช่วยลดภาษีการลงทุนให้ภาคเอกชน หรือ ให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในด้านกฎระเบียบต่างๆ ด้วย
พร้อมเสนอแนะว่าเพื่อให้โครงการดังกล่าวดำเนินการได้เร็ว ควรให้ภาคเอกชนลงทุนแทนรัฐ เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนสูง หากภาครัฐดำเนินการเองจะกลายเป็นภาระงบประมาณแผนดิน คาดว่าต้องใช้เงินลงทุนขยายท่อไปภาคเหนือ และอีสาน ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แต่หากภาคเอกชนตกลงกันไม่ได้ หรือ ไม่มีเอกชนรายอื่นๆ ลงทุน ทาง ปตท.ยินดีเข้าไปถือหุ้นในบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (แทปไลน์) เพิ่มขึ้นเพื่อให้โครงการท่อส่งน้ำมันเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนราคาน้ำมัน คาดว่าในอีก 1-2 วันนี้ ปตท.อาจต้องปรับลดราคาน้ำมันดีเซลลง 30 สต.ต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัว