- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 13 June 2017 18:40
- Hits: 3310
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม จากสัญญาณการปรับลดลงของปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ และการส่งออกของซาอุดิอาระเบีย
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นหลัง Genscape เผยตัวเลขการคาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่จุดส่งมอบ ณ เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ปรับลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล หลังจากที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 3.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงกว่าร้อยละ 5
+ ซาอุดิอารัมโกประกาศลดปริมาณการส่งมอบน้ำมันดิบเดือนกรกฎาคมกับผู้ซื้อบางรายในประเทศจีน อินเดีย และเกาหลีใต้ รวมเป็นปริมาณน้ำมันดิบทั้งสิ้นกว่า 300,000 บาร์เรลต่อวัน และปรับลดการส่งออกน้ำมันดิบไปยังสหรัฐฯ และยุโรปกว่าร้อยละ 35 และ 11 ตามลำดับเมื่อเทียบกับปริมาณที่ส่งออกไปในเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม การลดปริมาณการส่งออกดังกล่าวอาจเป็นผลมาจากความต้องการใช้เชื้อเพลิงสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อนที่เพิ่มขึ้นภายในประเทศ
+ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ด้านกลยุทธ์การลงทุนจาก Petromatrix ได้ให้ความเห็นว่า น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสที่ระดับ 45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ถือเป็นแนวรับในเชิงเทคนิคที่มีนัยสำคัญ โดยสอดคล้องกับข้อมูลจาก Reuters ซึ่งแสดงถึงเงินทุนที่ไหลเข้ามาเก็งกำไรในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและออปชั่นของน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นกว่า 3,160 สัญญา ทำให้มี Net Long Position แล้วกว่า 242,208 สัญญา สำหรับสัปดาห์การซื้อขายที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังถูกกดดันจากข้อมูลการนำเข้าน้ำมันเบนซินของประเทศเวียดนามในเดือนพฤษภาคมที่ปรับลดลง ประกอบกับการประกาศโควต้าการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงรอบที่ 3 ของประเทศจีน ซึ่งอาจส่งผลให้อุปทานปรับเพิ่มได้
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากอุปสงค์ของประเทศอินเดียหลังประสบปัญหาการผลิต แม้ว่าจะมีการประกาศโควต้าการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงรอบที่ 3 ของประเทศจีน ซึ่งอาจส่งผลให้อุปทานในภูมิภาคปรับเพิ่มขึ้นก็ตาม
ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เซ็กทัสเคลื่อนไหวในกรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังซาอุดิอาระเบีย และชาติพันธมิตรเช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ บาห์เรน และเยเมน ประกาศตัดความสัมพันธ์กับกาตาร์ และตัดการติดต่อทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยกล่าวหาว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนกับการก่อการร้าย ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้นักวิเคราะห์กังวลว่าความสัมพันธ์ของสมาชิกของกลุ่มโอเปกจะเปราะบางมากยิ่งขึ้น และอาจกระทบต่อความร่วมมือเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันของกลุ่มโอเปก
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับลดลง เนื่องจากคาดการณ์ว่าโรงกลั่นในประเทศจะปรับเพิ่มอัตราการกลั่นจากสัปดาห์ก่อนหน้า ประกอบกับ ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบคาดว่าจะปรับลดลง โดยเฉพาะจากซาอุดิอาระเบียซึ่งต้องการสำรองน้ำมันดิบไว้ใช้สำหรับช่วงฤดูร้อน อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 2 มิ.ย. 2560 รายงานโดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ปรับเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 513.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งสร้างความกังวลว่าอุปทานน้ำมันดิบสหรัฐจะล้นตลาด
ตลาดยังคงกังวลกับความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในสหรัฐฯ ที่อ่อนตัวลง ท่ามกลางความคาดหวังว่าฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐฯ จะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันปรับเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดอุปสงค์น้ำมันเบนซินในระยะเวลา 4 สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลงราวร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 2 มิ.ย. 2560 ปรับตัวขึ้นราว 12.2 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 833.3 ล้านบาร์เรล