- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Thursday, 08 June 2017 12:43
- Hits: 6924
ราคาน้ำมันดิบร่วง หลังปริมาณน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่ม สวนทางกับที่คาดการณ์ไว้
-ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงราว 5 เปอร์เซนต์ โดยได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 มิ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 513 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลงราว 4.6 ล้านบาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นมีอัตราการกลั่นลดลง ในขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 240 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา
-นอกจากนี้นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันเบนซินจะลดลงราวร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา ส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันเบนซินและความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกลดลง
-/+ ตลาดยังคงกังวลกับสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างกาตาร์และซาอุดิอาระเบียพร้อมชาติพันธมิตร ที่ก่อให้ความแตกแยกในกลุ่มโอเปก และอาจจะไม่ทำตามข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ
- รวมถึงปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากประเทศไนจีเรียปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการส่งออกจากแหล่ง Forcados ซึ่งส่งผลทำให้ปริมาณน้ำมันจากไนจีเรียเพิ่มขึ้น 200,000 - 240,000 บาร์เรล มาแตะระดับ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังอยู่ในระดับดี อย่างไรก็ตามราคา น้ำมันเบนซินยังได้รับแรงกดดันจากสต็อกน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากถูกกดดันจากช่วงเวลาห้ามทำประมงของรัฐบาลจีน อย่างไรก็ตาม น้ำมันดีเซลยังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์เพิ่มเติมจากภูมิภาคเอเชียใต้และแอฟริกา
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังโรงกลั่นยังคงอัตราการกลั่นในระดับสูง ตามความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่ โดยล่าสุด สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 26 พ.ค. 2560 ปรับลดลง 6.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 509.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน
การขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกคาดว่าจะช่วยให้ปริมาณน้ำมันคงคลังโลกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด สำนักงานพลังงานสากล (IEA) รายงานปริมาณน้ำมันคงคลังของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (OECD Oil Stocks) ในเดือนมี.ค. ปรับลดลง 32.9 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 3,025 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตกลุ่มโอเปกในเดือนพ.ค. ปรับเพิ่มขึ้นราว 250,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา มาอยู่ที่ระดับ 32.22 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยหลักๆ ปรับเพิ่มขึ้นจากไนจีเรีย ซึ่งท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forcados กำลังการผลิต 200,000-250,000 บาร์เรลต่อวัน เริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้ง และลิเบีย หลังสถานการณ์ความไม่สงบคลี่คลายลง โดยล่าสุดปริมาณกำลังการผลิตปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 827,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากปัญหาทางด้านเทคนิคที่แหล่งผลิตน้ำมันดิบ Sharara และปัญหาไฟฟ้าขัดข้องที่แหล่งผลิตน้ำมันดิบ Messla และ Sarir คลี่คลายลง นอกจากนี้ยังคาดว่าปริมาณการผลิตจะปรับเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 1.1 – 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในเดือน ส.ค. 60