- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 05 June 2017 23:57
- Hits: 14623
ไทยออยล์ คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 5-9 มิ.ย.60 และสรุปสถานการณ์ฯ 29 พ.ย.-2 มิ.ย.60
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ ( 5 มิ.ย. – 9 มิ.ย. 60)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากความต้องการใช้น้ำมันในช่วงฤดูร้อนที่ปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากข้อตกลงขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาปริมาณการผลิตที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากไนจีเรีย ลิเบีย และสหรัฐฯ เนื่องจากท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forcados ในไนจีเรีย และแหล่งผลิตน้ำมันดิบหลายแห่งในลิเบีย เริ่มกลับมาดำเนินการตามปกติ ประกอบกับ ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มปริมาณการผลิต หลังราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังโรงกลั่นยังคงอัตราการกลั่นในระดับสูง ตามความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่ โดยล่าสุด สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 26 พ.ค. 2560 ปรับลดลง 6.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 509.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน
การขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกคาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันคงคลังโลกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด สำนักงานพลังงานสากล (IEA) รายงานปริมาณน้ำมันคงคลังของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (OECD Oil Stocks) ในเดือนมี.ค. ปรับลดลง 32.9 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 3,025 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
ผลสำรวจรอยเตอร์พบว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือนพ.ค.2560 ของผู้ผลิตกลุ่มโอเปก 11 ประเทศ ที่ให้ความร่วมมือในข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต ได้ปรับลดลงราว 60,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 29.86 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยการปรับลดลงดังกล่าวนับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้ผลิตน้ำมันดิบในกลุ่มโอเปกยังคงรักษาระดับการปรับลดกำลังการผลิตในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตกลุ่มโอเปกในเดือนพ.ค.2560 ปรับเพิ่มขึ้นราว 250,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา มาอยู่ที่ระดับ 32.22 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้นจากไนจีเรีย จากการที่ท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forcados กำลังการผลิต 200,000-250,000 บาร์เรลต่อวัน เริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้ง รวมถึงลิเบียที่กำลังการผลิตปรับเพิ่มขึ้น หลังจากความไม่สงบภายในประเทศคลี่คลายลง และล่าสุดปัญหาทางด้านเทคนิคที่แหล่งผลิตน้ำมันดิบ Sharara และปัญหาไฟฟ้าขัดข้องที่แหล่งผลิตน้ำมันดิบ Messla และ Sarir คลี่คลายลง ทำให้กำลังการผลิตของลิเบียปรับเพิ่มขึ้นมาแตะระดับ 827,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งจัดเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 3 ปี และยังมีคาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตจะปรับเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 1.1 – 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในเดือน ส.ค. 2560
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ตามจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 733 แท่น ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน เมย. 2558 นอกจากนี้ EIA เปิดเผยว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในเดือน มิ.ย.2560 น่าจะปรับตัวสูงขึ้นราว 90,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับการผลิตในเดือนพ.ค.2560 มาอยู่ที่ระดับ 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน และปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ปรับเพิ่มขึ้นราว 122,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 5.40 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการบริการจีน ดัชนีกาคการบริการสหรัฐฯ จีดีพีไตรมาส 1/60 ยูโรโซน และดัชนีราคาผู้บริโภคจีน
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (29 พ.ค. – 2 มิ.ย. 60)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 2.14 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 47.66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 2.20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 49.95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังตลาดยังคงกังวลว่าการขยายระยะเวลาของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้อุปทานน้ำมันดิบโลกปรับลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำมันคงคลังสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง และปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียที่ปรับเพิ่มขึ้น หลังปัญหาทางด้านเทคนิคคลี่คลายลง