- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Friday, 02 June 2017 06:45
- Hits: 4677
ราคาน้ำมันดิบปรับลดไปแตะระดับที่ต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์หลังปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกปรับเพิ่ม
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์หลังได้รับแรงกดดันจากรายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนพฤษภาคมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 250,000 บาร์เรลต่อวันขึ้นไปแตะระดับ 32.22 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกของการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในปี 2560
- ทั้งนี้ ระดับการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากชาติสมาชิกที่ได้รับยกเว้นการควบคุมระดับการผลิตน้ำมันดิบอย่างลิเบียและไนจีเรียปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในเดือน พ.ค. 60 ลิเบียได้มีการผลิตเพิ่มขึ้น 180,000 บาร์เรลต่อวันขึ้นไปแตะระดับ 730,000 บาร์เรลต่อวัน และไนจีเรียได้มีการผลิตเพิ่มขึ้น 130,000 บาร์เรลต่อวันขึ้นไปแตะระดับ 1.63 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- นอกจากนี้ ล่าสุดลิเบียได้เพิ่มกำลังการผลิตไปสู่ระดับ 827,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปี หลังได้เสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงแหล่งน้ำมันดิบ Sharara ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา ตามรายงานของบริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย
+ อย่างไรก็ดี หลังจากปิดตลาดราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากรายงานระดับปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ โดยสถาบันปิโตรเลียมสหรัฐฯ (API) ที่ปรับตัวลดลง 8.7 ล้านบาร์เรลลงไปแตะระดับ 513.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.5 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้ตัวเลขอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) จะรายงานในคืนวันพฤหัสบดีนี้
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนของอุปสงค์ที่ยังอยู่ในระดับสูงในภูมิภาค ประกอบกับอุปทานที่ลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในประเทศญี่ปุ่นและประเทศไต้หวัน นอกจากนี้ราคาน้ำมันเบนซินยังได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่ลดลงของประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากแรงกดดันของอุปสงค์ที่ปรับตัวลดลงในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดีเซลยังได้รับแรงหนุนจากการผลิตน้ำมันดีเซลที่ลดลงในประเทศญี่ปุ่น
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 48-53 เหรยีญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากโรงกลั่นในสหรัฐฯ คงกำลังการกลั่นในอัตราที่สูงต่อเนื่องที่ระดับสูงกว่าร้อยละ 93 เพื่อรองรับความต้องการน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 19 พ.ค. 2560 ปรับลดลง 4.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 516.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน
ปริมาณผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีทิศทางปรับตัวสูงขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาสูงกว่าระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี นับจากเดือน เม.ย. 58 และส่งผลทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มกว่าร้อยละ 10 จากช่วงกลางปีก่อนหน้าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 9.32 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 26 พ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 2 แท่นมาอยู่ที่ 722 แท่น
ภาวะอุปทานโลกล้นตลาดมีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังในการประชุมวันที่ 25 พ.ค. ผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกบรรลุข้อตกลงในการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือนนับจากกำหนดการเดิมที่สิ้นสุด มิ.ย. 60 และคงปริมาณการปรับลดที่ราว 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม อิหร่าน ลิเบีย และ ไนจีเรียยังคงได้รับการยกเว้นการปรับลดกำลังการผลิต เนื่องจากประเทศเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรและเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ