- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Thursday, 04 May 2017 22:56
- Hits: 10331
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลง
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ได้รายงานตัวเลขปริมาณสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ พบว่าปรับตัวลดลง 930,000 บาร์เรล ลงมาแตะระดับ 527.8 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ปริมาณปิโตรเลียมสำรองด้านยุทธศาสตร์ (SPR) ของสหรัฐฯ ได้ปรับตัวลดลง 161,000 บาร์เรล หลังความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับเกือบ 19.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค. 60
+ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลการปรับลดกำลังการผลิตของรัสเซีย ณ วันที่ 1 พ.ค. 60 ที่ปรับตัวลดลง 300,790 บาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. 59 ทั้งนี้รัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกที่มีสัดส่วนการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดตามข้อตกลงลดกำลังการผลิตระหว่างกลุ่มโอเปกและผู้ผลิตนอกกลุ่มตั้งแต่ต้นปี 2560 เป็นต้นมา
- อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของการทำตามข้อตกลงของกลุ่มโอเปกในเดือน มี.ค. ได้ปรับตัวลดลงไปสู่ระดับร้อยละ 90 จากระดับร้อยละ 92 ในเดือนก่อนหน้า หลังการผลิตจากประเทศแองโกล่าและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
- นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากสต็อกน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น 191,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ในช่วง 4 สัปดาห์ปรับตัวลดลงร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่ากับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ภายในภูมิภาคยังคงทรงตัวในระดับดี ประกอบกับได้รับอุปสงค์เพิ่มเติมจากประเทศคูเวต อย่างไรก็ตาม การกลับมาของโรงกลั่นในภูมิภาคหลังการปิดซ่อมบำรุงส่งผลให้อุปทานตึงตัวน้อยลง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังโรงกลั่นในภูมิภาคเริ่มกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับการนำเข้าในกลุ่มประเทศยุโรปได้ปรับตัวลดลงในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 46-51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 49-54 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังโรงกลั่นเพิ่มกำลังการกลั่นอย่างต่อเนื่องมาแตะระดับร้อยละ 94.1 หลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ กลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง และเร่งผลิตเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันในช่วงฤดูกาลขับขี่ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 เม.ย. ปรับลดลงราว 3.6 ล้านบาร์เรล เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 528.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับลดลงของปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ 3 สัปดาห์ติดต่อกัน
ติดตามความเป็นไปได้ที่จะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก โดยเฉพาะรัสเซียที่ยังมีทีท่าไม่ชัดเจน หลังนาย Alexander Novak รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของรัสเซีย ยังไม่มีความเห็นว่าควรจะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่ แต่จะหารือกับผู้ผลิตกลุ่มโอเปกในเรื่องดังกล่าวในวันที่ 24 พ.ค. นี้ ก่อนที่จะมีการประชุมระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกเพื่อที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตในวันที่ 25 พ.ค. 2560 นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังเผยอีกว่า รัสเซียอาจเพิ่มกำลังการผลิตสู่ระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี หากไม่มีการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิต
ตลาดยังคงกังวลกับความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐฯ ที่อาจน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังล่าสุด EIA รายงานปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นราว 3.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลงราว 1 ล้านบาร์เรล ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ณ ปัจจุบันยืนอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับในปี 2559 ณ ช่วงเวลาเดียวกัน