- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Thursday, 27 April 2017 23:51
- Hits: 14861
เวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ลด ขณะที่เบรนท์ปรับลดจากความกังวลเรื่องปริมาณน้ำมันดิบล้นตลาด
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 เม.ย. ปรับตัวลดลงที่ 3.6 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 528.7 ล้าน ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดราว 1.7 ล้านบาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นเพิ่มกำลังการกลั่นสูงขึ้น โดยมีเปอร์เซ็นต์การกลั่นร้อยละ 94.1 ของกำลังการผลิต ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ พ.ย. 2558
- อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล ทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันเบนซินของสหรัฐฯที่อาจน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่จะมาถึง ทำให้ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังที่อยู่ในระดับสูงอาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในระยะอันใกล้นี้
- นอกจากนี้ ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2560 ที่ผ่านมา
- ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลงจากความไม่แน่นอนในเรื่องข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตระหว่างโอเปกและนอกกลุ่มโอเปก ว่าจะมีการขยายช่วงเวลาออกไปหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันโลก ถึงแม้ว่า นาย Khalid al- Falih รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานซาอุดิอาระเบีย มีความสนใจที่จะทำการเจรจากับผู้ผลิตในกลุ่มและนอกกลุ่มโอเปกเพื่อให้คงเสถียรภาพราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังจากได้รับแรงกดดันจากราคา RBOB ในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับประเทศจีนมีแนวโน้มที่จะส่งออกน้ำมันเบนซินเพิ่มมากขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดีเซลในประเทศญี่ปุ่นที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 5 และระดับปริมาณสต็อกน้ำมันดีเซลในญี่ปุ่นก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 ขึ้นไปแตะระดับ 10.16 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อน่ไหวในกรอบ 49-54 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาการประชุมระหว่างผู้ผลิตน้ำมันดิบในและนอกโอเปกก่อนการประชุมอย่างเป็นทางการในวันที่ 24-25 พ.ค. 60 ว่าจะมีจะมีการขยายระยะเวลาของมาตรการปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่ ภายหลังปริมาณน้ำมันคงคลังเชิงพาณิชย์ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีค่อนข้างมาก แม้ว่ากลุ่มโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิตมากกว่าที่ได้ตกลงไว้ก็ตาม โดยล่าสุดซาอุดิอาระเบีย คูเวต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีความเห็นไปพ้องกันว่าควรขยายระยะเวลาของมาตรการแต่ข้อตกลงดังกล่าวขึ้นกับเงื่อนไขว่าผู้ผลิตนอกกลุ่มจะต้องปรับลดกำลังการผลิตลงด้วยเช่นกัน ซึ่งทางด้านของรัสเซียยังไม่ได้มีการออกมาให้ความเห็นแต่อย่างใด
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะปรับตัวลดลงหลังโรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มกำลังการกลั่นขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ราวร้อยละ 93 เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยลดผลกระทบของการผลิตน้ำมันดิบในประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 9.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 เม.ย. ปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน โดยปรับลดลงราว 1.0 ล้านบาร์เรล
การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นต่อเนื่องมาสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 เม.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 11 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 683 แท่น นับเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 13 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยกว่า 2 ใน 3 ของการปรับเพิ่มขึ้นมาจากแหล่งผลิต Permian ที่มีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างต่ำ