- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Thursday, 20 April 2017 21:28
- Hits: 8235
ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดานของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงต่อเนื่อง หลังสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 14 เม.ย. 60 ปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยปรับลดลง 840,000 บาร์เรล ไปอยู่ที่ระดับ 531.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.5 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล
- นอกจากนี้ ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ว่าในเดือน พ.ค. 60 กำลังการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดานจะปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 5.19 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยกำลังการผลิตส่วนใหญ่อยู่ในแหล่ง Permian ซึ่งคาดว่าจะผลิตได้ที่ระดับ 2.36 ล้านบาร์เรลต่อวัน
+ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงหนุน หลังปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียในเดือน ก.พ. 60 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางปี 2558 นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ (OPEC) ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าอุปสงค์น้ำมันดิบในปีนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง และมองว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจะปรับตัวลดลงเพียงแต่ต้องใช้เวลา เนื่องจากตลาดน้ำมันดิบเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาดมาเป็นเวลาถึง 3 ปี
+ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ขึ้นอีก 0.1% สู่ระดับ 3.5% จากการขยายตัว 3.1% ในปีที่แล้ว
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ดีของสหรัฐฯ และตะวันออกกลาง ขณะที่โอกาสในการส่งออกน้ำมันเบนซินจากยุโรปไปยังตะวันออกกลางลดลง ส่งผลให้ผู้ซื้อในตะวันออกกลางยังคงต้องนำเข้าจากเอเชียอย่างต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงใกล้เคียงกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากการซื้อขายในตลาดยังคงซบเซา อย่างไรก็ตามอุปทานค่อนข้างตึงตัว เนื่องจากโรงกลั่นในภูมิภาคอยู่ในช่วงปิดซ่อมบำรุงตามฤดูกาล
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 51-56 เหรียญสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาการประชุมของผู้ผลิตระหว่างกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกในเร็วนี้ว่าทิศทางการปรับลดกำลังการผลิตหรือกลุ่มผู้ผลิตจะเป็นอย่างไรและจะมีการหารือถึงการขยายระยะเวลาของมาตรการปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่ โดยในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปกทั้ง 13 ประเทศปรับลดลงต่อเนื่องจากเดือน ก.พ. นำโดยการปรับลดลงของลิเบียหลังเผชิญกับเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่เริ่มปรับลดตามข้อตกลงมากขึ้น ขณะที่ซาอุดิอาระเบียยังคงกำลังการผลิตในระดับต่ำกว่า 10 ล้านบาร์เรลต่อวันกว่า 3 เดือนติดต่อกัน สำหรับปริมาณการผลิตนอกกลุ่มโอเปก นำโดยรัสเซียมีแนวโน้มปรับตัวลดลงและคาดว่าจะปรับลดลงได้ตามเป้าหมายในสิ้นเดือน เม.ย.
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบลดลง หลังโรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นกำลังการผลิตขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่าร้อยละ 91 เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยลดผลกระทบของการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 9.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นต่อเนื่องมาสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 เม.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 11 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 683 แท่น นับเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 13 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยกว่า 2 ใน 3 ของการปรับเพิ่มขึ้นมาจากแหล่งผลิต Permian ที่มีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างต่ำ