WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

OIL45ไทยออยล์ คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 10-15 เม.ย. 60 และสรุปสถานการณ์ฯ 3-7 เม.ย. 60

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ ( 10 - 14 เมย. 60)

ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น จากการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก ประกอบกับ ข่าวการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตต่อจากเดือนมิ.ย. ที่มีแนวโน้มเป็นไปได้สูง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับลดลง จากอัตราการกลั่นที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตของลิเบียคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์ความไม่สงบคลี่คลายลง นอกจากนี้ การปรับเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

            ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง หลังผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์เผยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกทั้ง 13 ประเทศปรับลดลงราว 230,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับตัวเลขในเดือนก.พ. มาอยู่ที่ระดับ 32.01 ล้านบาร์เรลต่อวัน นำโดยการปรับลดลงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งปรับลดตามข้อตกลงลดกำลังการผลิตและการปิดซ่อมบำรุงของแหล่งผลิตน้ำมันดิบ เหตุการณ์ความไม่สงบในลิเบีย และการปิดซ่อมบำรุงแหล่งผลิตน้ำมันดิบของไนจีเรีย นอกจากนี้ ยังได้รับแรงหนุนจากข่าวการขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 โดยล่าสุดผู้ผลิตหลายรายทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกสนับสนุนข้อตกลงนี้

            สถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศลิเบียมีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังมีการประกาศยกเลิกเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) ณ ท่าขนส่งน้ำมันดิบ Zawiya ซึ่งเป็นท่าขนส่งของแหล่งน้ำมันดิบ Sharara และ Wafa ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 600,000 บาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีเป้าหมายที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตของลิเบียไปสู่ระดับ 800,000 บาร์เรลต่อวัน ภายในเดือนเม.ย.

            ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับลดลง เนื่องจากอัตราการกลั่นของโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 90.3 หลังโรงกลั่นกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง และเพิ่มอัตราการกลั่นเพื่อรองรับอุปสงค์น้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐฯ 

            กำลังการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดานของสหรัฐฯ (Shale oil) มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดย EIA คาดการณ์ว่าปริมาณการผลิต Shale oil ในสหรัฐฯ อาจปรับเพิ่มขึ้นราว 109,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนเม.ย. มาอยู่ที่ 4.96 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 เม.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 10 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 672 แท่น ซึ่งนับเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 12 สัปดาห์ติดต่อกัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในเดือนก.พ. ที่ปรับเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังผู้ค้าน้ำมันสามารถส่งออกมาสู่เอเชียมากขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตกลุ่มโอเปกปรับลดกำลังการผลิต ทำให้อุปทานหายไปจากตลาดบางส่วน

            ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตจีน ดัชนีราคาผู้บริโภคจีนและสหรัฐฯ ยอดค้าปลีกจีน และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสหรัฐฯ

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (3 - 7 เม.ย. 60)

            ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 1.64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 52.24 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 2.41 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 55.24 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบ ปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังจากที่โรงกลั่นเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับ แหล่งผลิตน้ำมันดิบในทะเลเหนือมีการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉิน ส่งผลให้กำลังการผลิตหายไปราว 180,000 บาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะกลับมาดำเนินการผลิตใหม่ได้ภายในสองวัน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมับดิบยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ระดับ 662 แท่น หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นกว่าระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!