- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Wednesday, 01 March 2017 22:30
- Hits: 8937
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงหลังตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับกำลังการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวลดลงหลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เผยถึงปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 24 ก.พ. ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 3.1 ล้านบาร์เรลซึ่งเป็นการสะท้อนถึงการผลิตน้ำมันดิบเชลล์ (Shale Oil) ของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดยังคงกังวลว่าการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศโอเปก (OPEC) อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวไปอยู่ในระดับสูงกว่า 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในปี 2560
+/- กลุ่มประเทศโอเปก (OPEC) ต้องการให้ราคาน้ำมันปรับไปอยู่ที่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตกับรัสเซีย อย่างไรก็ตาม OPEC ไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงไปกว่าระดับที่คาดไว้เพราะไม่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบ Shale ในสหรัฐฯ เพิ่มกำลังการผลิต และส่งผลเสียต่อกลไกราคาน้ำมันดิบโลก
- ตามการรายงานของ Baker Hughes จำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 286 แท่นในรอบ 39 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีทั้งสิ้น 35 สัปดาห์ที่จำนวนแท่นปรับเพิ่ม แม้ว่าปัจจุบันสหรัฐฯ จะมีแท่นขุดเจาะจำนวน 602 แท่น ต่ำกว่าช่วง ต.ค. 2557 ที่ระดับ 1,609 แท่น ตลาดยังคงกังวลว่าด้วยเทคโนโลยีใหม่อาจทำให้การผลิตน้ำมันดิบเชลล์เกิดขึ้นได้ง่ายและมีประสิทธิภาพในต้นทุนที่ต่ำ
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานจากอินเดียและในภูมิภาคเอเชียเหนือยังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ โรงกลั่นในประเทศจีนทำการปรับเพิ่มสัดส่วนการผลิตน้ำมันเบนซินมากขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากประเทศอินเดียมีการส่งออกน้ำมันดีเซลในช่วงเดือน มี.ค. ซึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ในประเทศอินเดียที่อ่อนตัวลงตั้งแต่เดือน ม.ค. นอกจากนี้ ตัวเลขปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังในประเทศจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.21 ในเดือน ม.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 51-56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกคาดว่าจะปรับลดลง เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ผลิตจะทำตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต หลังนายโมฮัมเหม็ด บาร์คินโด เลขาธิการกลุ่มโอเปก เผยว่าผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มจะให้ความร่วมมือในการลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ แหล่งข่าวของโอเปกยังเผยอีกว่า ล่าสุดผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกทั้ง 11 ประเทศให้ความร่วมมือลดกำลังลงราว 60% ของข้อตกลง
ข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตยังมีความเสี่ยงจากกำลังการผลิตของอิหร่านที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากอิหร่านเร่งผลิตน้ำมันดิบเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดหลังได้รับการยกเลิกการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ โดยล่าสุดนาย Ali Kardor ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทน้ำมันแห่งชาติอิหร่าน (NIOC) กล่าวว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของอิหร่านจะปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในเดือนเม.ย. 60 และมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตไปสู่ระดับ 4.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในอีก 5 ปีข้างหน้า
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น หลัง EIA คาดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ในเดือนมี.ค. มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นราว 0.03 ล้านบาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 8.91 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับระดับการผลิตในเดือนก.พ. และจะขยับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 9.28 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค. 60