- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 21 February 2017 20:14
- Hits: 3398
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มเล็กน้อย หลังปริมาณการส่งออกของซาอุดิอาระเบียปรับลดลง
+ ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเล็กน้อยหลังได้รับแรงสนับสนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการส่งออกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการของประเทศซาอุดิอาระเบียในเดือนธันวาคม 2559 ที่ระดับ 8.014 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 8.258 ล้านบาร์เรลต่อวัน ประกอบกับการรายงานตัวเลขการผลิตน้ำมันดิบที่ระดับ 10.465 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจาก 10.72 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงเวลาเดียวกัน
+ แหล่งข่าวของกลุ่มโอเปกออกมาเปิดเผยว่า โอเปกอาจพิจารณายืดเวลาการลดกำลังการผลิตให้ยาวนานกว่าครึ่งปีหรืออาจพิจารณาลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม หากเล็งเห็นว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของโลกไม่สามารถปรับลดลงได้ตามเป้าหมายที่ระดับ 300 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นตัวเลขที่เป็นไปได้ในกรณีที่การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบรวม 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันของผู้ผลิตน้ำมันดิบโอเปกและนอกโอเปกได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่
+ นอกจากนี้ ดัชนีสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงนับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากค่าเงินที่อ่อนลงทำให้สินทรัพย์ที่ซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลล่าร์เช่น น้ำมันดิบและทองคำ มีมูลค่าที่ต่ำลง
- อย่างไรก็ดี จำนวนแท่นขุดเจาะที่ปรับเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 5 สัปดาห์มาอยู่ที่ 597 แท่น สร้างความกังวลให้ตลาด โดยนักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs เผยว่า บริษัทฯ คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในประเทศสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น 405,000 บาร์เรลต่อวันในระหว่างช่วงไตรมาส 4 ของปี 2560 เทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2559 หากจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบัน
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันเบาคงคลังประจำสัปดาห์ของประเทศสิงคโปร์ที่ปรับลดลงช่วยหนุนราคาฝั่งเอเชียอีกด้วย
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการส่งออกน้ำมันดีเซลจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ปรับตัวลดลง เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันเข้าสู่ช่วงปิดซ่อมบำรุง อย่างไรก็ดี ตลาดถูกกดดันจากอุปทานในประเทศจีนที่สูงขึ้นจากอุปสงค์ที่ปรับลดลง ประกอบกับปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังในจีนอยู่ในระดับสูง
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 51-56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ติดตามการประชุมระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกในวันที่ 21 – 22 ก.พ. เกี่ยวกับข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต ซึ่งมีแนวโน้มเป็นไปในทางที่ดี หลังรายงานประจำเดือน ก.พ. 2560 ของโอเปก เปิดเผยว่าประเทศผู้ผลิตกลุ่มโอเปก ทั้ง 11 ประเทศไม่รวม ลิเบีย ไนจีเรีย และอินโดนีเซีย ปรับลดปริมาณการผลิตในเดือนม.ค. 2560 ลงมาสู่ระดับ 29.88 ล้านบาร์เรลต่อวัน
กำลังการผลิตของลิเบียมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังแหล่งน้ำมันดิบ El Feel กำลังการผลิต 75,000 บาร์เรลต่อวัน จะกลับมาดำเนินการอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียแตะระดับ 0.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าจะแตะระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนส.ค. นอกจากนี้รัฐบาลลิเบียยังคาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตจะมาอยู่ที่ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2561
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดานในเดือนมี.ค. ปรับเพิ่มขึ้นราว 0.08 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับปริมาณการผลิตในเดือนก.พ. มาสู่ระดับ 4.87 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจากแหล่งผลิต Permian ราว 0.07 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งผลิต Eagle Ford ยังปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบปี โดยปรับเพิ่มขึ้นราว 0.014 ล้านบาร์เรลต่อวัน