- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 20 February 2017 11:36
- Hits: 4976
ไทยออยล์ คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 13-17 ก.พ. 60 และสรุปสถานการณ์ฯ 6-10 ก.พ. 60
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (13 ก.พ. – 17 ก.พ. 60)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มสามารถปรับลดกำลังการผลิตได้มากกว่า 90% ของข้อตกลงลดกำลังการผลิต ส่งผลให้กำลังการผลิตลดลงมาอยู่ที่ 29.92 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือปรับลดลงถึง 92% นอกจากนี้ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง จากโรงกลั่นที่ปรับลดกำลังการกลั่นลงในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงละปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ตามทิศทางการเพิ่มการขุดเจาะของผู้ผลิตในสหรัฐฯ
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
จับตารายงานประจำเดือนของกลุ่มโอเปกในวันที่ 13 ก.พ. นี้ว่าปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปกจะปรับลดลงตามที่ได้ตกลงไว้ก่อนหน้าหรือไม่ โดยจากผลสำรวจของสำนักข่าว Reuters และ Platts พบว่าผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกสามารถทำตามข้อตกลงได้ประมาณ 82% และ 91% ตามลำดับ นับว่าเป็นการปรับลดลงมากกว่าในอดีตที่สามารถปรับลดได้เพียง 60% ในปี โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA)ให้ข้อมูลว่า โอเปกลดกำลังการผลิตลง 90 % ในเดือน มค. โดยผู้ผลิตบางราย เช่น ซาอุดิอาระเบีย ได้ลดกำลังการผลิตลงมากกว่าข้อตกลง ขณะที่กำลังการผลิตของโลกโดยรวมลดลงมากกว่า 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งมีการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกอยู่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินฟื้นตัวขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 3 ก.พ. 60 ปรับลดลง 869,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 1.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 8.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับ 8.3 ในสัปดาห์ก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง จากปริมาณการนำเข้าที่คงอยู่ในระดับสูง ประกอบกับโรงกลั่นที่ปรับลดกำลังการกลั่นลงในช่วงการปิดซ่อมบำรุงประจำฤดูกาล โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 3 ก.พ. 60 ปรับเพิ่มขึ้นถึง 13.83 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 508.59 ล้านบาร์เรล
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าระดับต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตน้ำมันดิบจากชั้นดินดาน (Shale oil) ในสหรัฐฯ ที่ประมาณ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ส่งผลให้ผู้ผลิตเพิ่มการขุดเจาะขึ้นต่อเนื่อง โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 ก.พ. 60 ปรับเพิ่มขึ้น 8 แท่น มาอยู่ที่ 591 แท่น ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 58
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ GDP ไตรมาส 4/59 ยูโรโซน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซน ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภคจีน
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (6 ก.พ.-10 ก.พ. 60)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 0.03 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 53.86 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 0.11 เหรียญสหรัฐฯ ปิดที่ 56.70 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 53.8 เหรียญสหรัฐฯ หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากความต้องการใช้น้ำมันของประเทศจีนในปี 2559 เติบโตต่ำสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งเติบโตเพียงร้อยละ 2.5 เนื่องจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากข่าวการประชุมระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก ประกอบกับ ปริมาณน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ที่รายงานโดย EIA ปรับตัวลดลง สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น และถือเป็นการปรับลดลงเป็นครั้งแรกหลังจากการปรับเพิ่มขึ้น 5 สัปดาห์ติดต่อกัน