- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 24 January 2017 19:23
- Hits: 3589
ราคาน้ำมันดิบปรับลดหลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบเกือบ 4 ปี
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังได้รับแรงกดดันจากรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ โดย Baker Hughes ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 29 แท่นขึ้นมาแตะระดับ 551 แท่น ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดตั้งแต่ เม.ย. 56 เป็นต้นมา ทั้งนี้เกือบสองในสามของจำนวนแท่นที่เพิ่มขึ้นมาทั้งหมดตั้งแต่ พ.ค. 59 เป็นแท่นขุดเจาะที่เพิ่มขึ้นจากแหล่งการผลิต Permian ซึ่งเป็นแหล่งการผลิตน้ำมันดิบในชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
- ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากคำแถลงของนายจาบาร์ อัล-ลูไอบี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันของอิรัก ประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ลำดับที่ 2 ในกลุ่มโอเปก ที่กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการขยายข้อตกลงการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกออกไปอีก หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้
- นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงระมัดระวังในการซื้อ-ขายในตลาดน้ำมันดิบ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณที่จะดำเนินนโยบายปกป้องการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของบริษัทที่ไปตั้งฐานการผลิตในต่างประเทศ รวมไปถึงการถอนตัวจากข้อตกลงความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค (TPP)
+ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการประชุมตัวแทนของกลุ่มโอเปกและผู้น้ำมันดิบนอกกลุ่ม ณ เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 21-22 ม.ค. ที่เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 60 เป็นต้นมา ทางกลุ่มโอเปกและผู้ผลิตนอกกลุ่มที่ได้ร่วมตกลงลดกำลังการผลิต ได้ทำการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบรวมกันได้แล้วทั้งสิ้น 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยจะสามารถลดได้ถึงระดับ 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในสิ้นเดือนนี้ และคาดว่าจะทำได้ตามข้อตกลงที่ทำไว้ที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในเดือน ก.พ. 60 นี้
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากความต้องการใช้ในภูมิภาคยังคงทรงตัว ประกอบกับได้รับแรงกดดันจากปริมาณสต็อกน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.95 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้ในภูมิภาคที่ยังคงแข็งแกร่ง ประกอบกับการส่งออกจากประเทศจีนที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 52-57 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกว่าจะสามารถทำตามข้อตกลงได้หรือไม่ โดยล่าสุดการประชุมเพื่อติดตามผลของการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกโอเปกในวันที่ 21-22 ม.ค. ส่งสัญญาณที่ดี เนื่องจากปัจจุบันผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกลดกำลังการผลิตลงแล้ว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าจะสามารถปรับลดกำลังการผลิตได้ตามข้อตกลงที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.พ. 60 ทั้งนี้การประชุมเพื่อติดตามผลของข้อตกลงจะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 17 มี.ค. 60
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังจากท่อขนส่งน้ำมันดิบที่เชื่อมกับแหล่งน้ำมันดิบ El Sharara และ El Feel กลับมาดำเนินการอีกครั้งในเดือนธ.ค. โดยล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งมาสู่ระดับ 0.722 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังการปรับลดลงในสัปดาห์ก่อนหน้าซึ่งปรับลดลงมาสู่ระดับ 0.650 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากการขาดแคลนไฟฟ้าฉุกเฉินและสถานที่กักเก็บน้ำมันที่ท่าเรือไม่เพียงพอ
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะยังคงอยู่ในระดับสูง โดยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ม.ค. อยู่ที่ 485.5 ล้านบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale oil) มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในเดือนก.พ. ราว 0.041 ล้านบาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 4.748 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 58 ประกอบกับ โรงกลั่นที่เริ่มปรับลดการกลั่น เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงปิดซ่อมบำรุง