- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Sunday, 22 January 2017 18:01
- Hits: 9999
พลังงานพร้อมขับเคลื่อนนโยบาย Energy 4.0 ผลักดันรถ EV-สมาร์ทซิตี้-ระบบจัดเก็บพลังงาน-ผลิตไฟฟ้าระดับชุมชน
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานมีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนนโยบายเพื่อรองรับ Thailand 4.0 ของรัฐบาล ภายใต้นโยบาย Energy 4.0 ซึ่งจะมีโครงการสำคัญ ๆ คือ การขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่คาดว่าจะเกิดสถานี EV 150 สถานี/หัวชาร์ท การผลักดันเมืองอัจฉริยะ (Smart city) ซึ่งจะมีการเลือกเฟ้น 7 สุดยอดเมืองประหยัดพลังงาน การพัฒนาระบบจัดเก็บพลังงาน (Energy Storage :ESS) ซึ่งจะเกิดงานวิจัยและส่งเสริมการลงทุนตั้งโรงงานผลิต รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนพลังงานทดแทนรูปแบบใหม่ เช่น การผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) ในรูปแบบชนิดผสมผสานเชื้อเพลิง (Hybrid) ในรูปแบบสัญญา Firm และการผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็กมาก (VSPP) ในระดับชุมชน
สำหรับ รายละเอียดของการกำหนดหลักเกณฑ์และพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ในรูปแบบ Hybrid Firm ที่คาดว่าจะเปิดรับซื้อจำนวน 1,000 เมกะวัตต์นั้น จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในเดือนก.พ.นี้ เพื่อออกเป็นนโยบายและให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศเปิดประมูลต่อไป โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเปิดประมูล 2 รอบ โดยรอบแรกจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 62 และรอบที่ 2 จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 63 โดยกระทรวงพลังงานจะพิจารณาพื้นที่การรับซื้อไฟฟ้าตามศักยภาพเชื้อเพลิงและสายส่งไฟฟ้าที่รองรับได้เป็นหลัก
โดยการผลิตไฟฟ้าในรูปแบบ Hybird นั้น จะกำหนดให้ SPP ทำสัญญาผลิตไฟฟ้าแบบ Firm 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 25 ปี โดยกำลังพิจารณาว่าจะใช้รูปแบบเดียวกับสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากกลุ่ม SPP Cogeneration ที่ให้ผลิตไฟฟ้าแบบต่อเนื่อง 100% ในช่วงที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (peak) แต่ในช่วงที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อย (off peak) ให้ผลิตต่อเนื่องเพียง 65% ส่วนกลุ่ม VSPP กำลังพิจารณารูปแบบสัญญาผลิตแบบ Semi Firm คือผลิตต่อเนื่องในบางช่วงเวลา
นายทวารัฐ กล่าวว่า ปีนี้ถือว่าเป็นปีทองแห่งการอนุรักษ์พลังงาน และส่งเสริมให้ประชาชนและภาคธุรกิจลดภาระค่าไฟฟ้าได้ โดยเบื้องต้นได้มีกรอบงบประมาณเพื่อส่งเสริมงานวิจัยเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน 1,200 ล้านบาท สำหรับโครงการที่สำคัญ ๆ การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ระบบจัดเก็บพลังงาน โครงการเงินอุดหนุนรวม (Block Grant) เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง วัสดุเพื่อการประหยัดพลังงาน ในกลุ่มอาคารภาครัฐ โรงพยาบาล การสนับสนุนอาคารที่มีการออกแบบให้ใช้ไฟฟ้าน้อยที่สุดหรือเป็นศูนย์ (Net Zero Energy Building) รวมทั้งในปีนี้ กระทรวงพลังงานจะมีนโยบาย “Demand Response" ที่จะส่งสัญญาการรับซื้อผลประหยัดพลังงาน ตามช่วงเวลาที่รัฐกำหนด
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน คาดว่าการพิจารณาพ.ร.บ. ปิโตรเลียม จะได้รับการตอบรับในทางบวกจากการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคาดว่าจะเกิดความชัดเจนที่จะเป็นก้าวสำคัญ ในการผลักดันให้เกิดการลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียม รวมทั้งความชัดเจนของการบริหารจัดการแหล่งปิโตรเลียม ที่ใกล้สิ้นอายุสัมปทาน ซึ่งกระทรวงพลังงานจะสามารถขับเคลื่อนตามแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) ที่จะช่วยให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงานในอนาคตต่อไป
สำหรับ ในปี 59 ซึ่งถือเป็นปีที่ได้สร้างปรากฎการณ์สำคัญไว้ คือเกิด 3 ที่สุดด้านพลังงาน ได้แก่ 1.) การลดค่าไฟฟ้าสูงสุดถึง 52.98 สตางค์ต่อหน่วย (ต่อเนื่องปี 58-59) ส่งผลให้ภาพรวมของประเทศลดค่าไฟฟ้าได้สูงถึง 92,103 ล้านบาท ช่วยลดค่าครองชีพประชาชนและเพิ่มการแข่งขันให้ภาคธุรกิจ 2.) การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนสูงสุดในประวัติศาสตร์ โดยมีการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนมากถึง 1,701 เมกะวัตต์ มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ สูงสุด 1,320 เมกะวัตต์ ชีวมวล 70 เมกะวัตต์ ลม 70 เมกวัตต์ ก๊าซชีวภาพ 70 เมกะวัตต์ ขยะ 20 เมกะวัตต์ และพลังน้ำขนาดเล็ก 1 เมกะวัตต์ และ 3.) การส่งเงินจากภาษีสรรพสามิตน้ำมันเข้าคลังประเทศสูงสุด 195,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยังมีการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อเสริมฐานความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ที่สัมฤทธิ์ผล อาทิ ลอยตัวราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) เปิดเสรีธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) พัฒนาระบบขนส่งน้ำมันทางท่อ อนุมัติท่อก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 ผลักดันกฎหมายการออกแบบอาคารเพื่อการประหยัดพลังงาน (BEC) มาตรการด้านการเงินเพื่อปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน การริเริ่มนโยบาย Energy 4.0 นอกจากนี้กระทรวงพลังงาน ยังได้ขับเคลื่อนนโยบายประชารัฐ ที่สำคัญ ๆ ได้แก่ ติดตั้งระบบสูบน้ำแสงอาทิตย์ 900 ระบบช่วยต้านภัยแล้ง เพิ่มรายได้ชุมชนด้วยการติดตั้งระบบอบแห้งแสงอาทิตย์ 30 โครงการ ยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านโครงการพลังน้ำชุมชน 8 โครงการ 420 กิโลวัตต์ เป็นต้น
อินโฟเควสท์