- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Wednesday, 07 December 2016 06:53
- Hits: 2906
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 49-54 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 51-56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (5 ธ.ค.-9 ธ.ค. 59)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น หลังได้รับแรงหนุนจากข่าวการประชุมกลุ่มโอเปกในวันที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยการลดกำลังการผลิตจะมีผลบังคับใช้ในเดือน ม.ค. 60 เป็นระยะเวลา 6 เดือน นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบคาดว่าจะได้รับแรงหนุนต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ เนื่องจากในวันที่ 9 ธ.ค. จะมีการประชุมระหว่างผู้ผลิตกลุ่มโอเปก และนอกกลุ่มโอเปกเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ภาวะอุปทานโลกล้นตลาดมีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังการประชุมกลุ่มโอเปกเมื่อวันที่ 30 พ.ย. กลุ่มโอเปกสามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตลงราว 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งนับเป็นการตกลงกันครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 โดยข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในเดือน ม.ค. 60 และจะมีการทบทวนอีกครั้งในการประชุมโอเปกครั้งถัดไป ณ วันที่ 25 พ.ค. 60 โดยการปรับลดกำลังการผลิตนำโดย ซาอุดิอาระเบีย อิรัก คูเวต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อย่างไรก็ตาม ทางด้านอิหร่าน ลิเบีย และ ไนจีเรียได้รับการยกเว้นการปรับลดกำลังการผลิต เนื่องจากประเทศเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรและความไม่สงบภายในประเทศ อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์ยังคงกังวลว่าผู้ผลิตกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มผลิตเกินโควตาที่แต่ละประเทศได้รับ
จับตาดูการประชุมระหว่างผู้ผลิตกลุ่มโอเปก และนอกกลุ่มโอเปกในวันที่ 9 ธ.ค. เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก โดยกลุ่มโอเปกเสนอให้ผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกปรับลดกำลังการผลิตลงทั้งสิ้นราว 6 แสนบาร์เรลต่อวัน โดยคาดว่ากว่า 3 แสนบาร์เรลต่อวัน มาจากการปรับลดกำลังการผลิตของรัสเซีย นอกจากรัสเซียแล้ว ประเทศนอกกลุ่มโอเปกที่ควรจับตามองได้แก่ โอมาน อาเซอร์ไบจาน และ คาซัคสถาน
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง หลังโรงกลั่นยังคงกำลังการผลิตในระดับสูง ประกอบกับ ปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบที่ยังคงทรงตัว โดยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุดวันที่ 25 พ.ย. 2559 ปรับตัวลดลง 9 แสนบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 488.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้า ยังคงเป็นอีกปัจจัยนึงที่อาจกดดันราคาน้ำมันดิบในอนาคต
ตลาดยังคงกังวลกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบรายงานโดย Baker Hughes สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 2 ธค. ปรับเพิ่ม 3 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 477 แท่น นอกจากนี้การประกาศลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว อาจกระตุ้นให้การผลิตน้ำมันดิบ Shale Oil โดยเฉพาะแหล่งผลิตต้นทุนต่ำอย่าง Permian กลับมาเร็วขึ้นกว่าปกติอีกด้วย
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการบริการจีน ดัชนีภาคการบริการยูโรโซน ยอดค้าปลีกยูโรโซน จีดีพีไตรมาส 3/59 ยูโรโซน และ อัตราการว่างงานสหรัฐฯ
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (28 พ.ย.-2 ธ.ค. 59)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 5.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 51.68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.22 เหรียญสหรัฐฯ ปิดที่ 54.46 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐฯ หลังกลุ่มโอเปกสามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตมาอยู่ที่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมกลุ่มโอเปกวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจาก ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันเนื่องจากได้รับแรงหนุนจากโรงกลั่นที่คงกำลังการผลิตในระดับสูงต่อเนื่องซึ่งสวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น