- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Sunday, 03 August 2014 22:46
- Hits: 3167
กฟน.เล็งตั้งบริษัทลูกปลดล็อกพ.ร.บ.ไฟฟ้าหวังขยายลงทุนตปท.
ไทยโพสต์ : สีลม * กฟน.จ่อเสนอบอร์ดตั้งบริษัทลูก ขยายการลงทุนด้านธุรกิจประหยัดพลังงานในต่างประ เทศ พร้อมเสนอ คสช.ปลดล็อก พ.ร.บ.เปิดทางให้ลงทุนเพิ่มได้ ระบุยอดจำหน่ายไฟฟ้าครึ่งปีแรก 2557 ลดลง 3% เหตุได้รับผลกระทบปัญหาการเมือง
นายสมชาย โรจน์รุ่งวศินกุล ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เปิดเผยว่า กฟน.เตรียมจัดบริษัทลูกในนาม'เอ็มอีเอ เอนเนอร์จีโซลูชั่น' เพื่อรองรับการลงทุนในต่างประเทศด้านธุรกิจประหยัดพลังงาน เบื้องต้นกำหนดทุนจดทะเบียนไว้ที่ 100 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายเพิ่มทุนจดทะเบียนให้ได้ 200 ล้านบาท ภายใน 5 ปี
ทั้งนี้ การจัดตั้งบริษัทลูกดังกล่าวจะดำเนินการพร้อมกับการปลดล็อก พ.ร.บ.การไฟฟ้านคร หลวง เนื่องจาก พ.ร.บ.ดังกล่าวกำหนดให้ กฟน.ทำธุรกิจได้เพียงการจำหน่ายไฟฟ้าและธุรกิจต่อเนื่อง เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรีและสมุทรปราการ ซึ่งทำให้ไม่สามารถขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศได้ ซึ่งขณะนี้ได้เสนอเรื่องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แล้ว และเชื่อว่าหากมีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะทำให้การปลดล็อกรวดเร็วขึ้นได้ และทำให้บริษัทลูกสามารถเข้าไปรับงานด้านปรึกษาระบบจัดการพลังงานทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ในเดือน พ.ย.2557 กฟน.จะนำเรื่องการจัดตั้งบริษัทลูกเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) กฟน.ด้วย
นอกจากนี้ กฟน.จะเสนอเรื่องเร่งด่วนเพิ่มเติมต่อ คสช. ได้ แก่ การกำหนดรูปแบบการถือหุ้น ในบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจทั้ง หมดให้เป็นรูปแบบเดียวกันว่า จะให้บริษัทแม่ถือหุ้น 100% หรือกำ หนดสัดส่วนเท่าไหร่ เพื่อให้เป็นกฎระเบียบที่ชัดเจนเหมือนกันในการลงทุนในอนาคต จากนั้นรัฐวิสาหกิจ นั้นๆ จะได้นำไปกำหนดแผนการลงทุนต่อไป ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (ซูเปอร์บอร์ด) พร้อมกันนี้ได้เสนอให้หาเจ้าภาพการสร้างอุโมงค์เพื่อนำสายไฟฟ้า สายสื่อสาร และประปาลงใต้ดิน ซึ่งเห็นว่า กทม.น่าจะเป็นเจ้าภาพ เนื่องจากเป็นเจ้าของพื้นที่ ส่วนใครจะเป็นผู้ลงทุนค่อยมาพิจารณากันอีกครั้ง
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า ยอดขายไฟฟ้า กฟน. ครึ่งแรกปี 2557 (ม.ค.-มิ.ย.) อยู่ที่ 24,000 ล้านหน่วย ลดลง 3% เนื่องจากช่วงต้นปี 2557 เกิดปัญหาภาวะการชุมนุมทางการเมือง คาดว่าทั้งปีจะอยู่ที่ 4.7 หมื่นล้านหน่วย กำไรสุทธิประมาณ 8 พันล้านบาท.