- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 28 November 2016 19:41
- Hits: 10188
ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 46-51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (28 พ.ย. – 2 ธ.ค. 59)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง หลังตลาดคาดว่าในการประชุมวันที่ 30 พ.ย. กลุ่มโอเปกจะสามารถตกลงกันได้ที่จะปรับลดกำลังการผลิต จากแหล่งข่าวล่าสุดพบว่าข้อเสนอที่มีการพิจารณาคือ ทุกประเทศ ยกเว้นลิเบียและไนจีเรีย จะปรับลดกำลังการผลิตลงโดยเฉลี่ยร้อยละ 4.0 – 4.5 ประกอบกับ ภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาดในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มลดลง หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลง จากการที่โรงกลั่นกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ภายหลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นใกล้ระดับต้นทุนการผลิตที่ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
จับตาการประชุมกลุ่มโอเปกในวันที่ 30 พ.ย. นี้ โดยตลาดคาดว่ากลุ่มโอเปกจะสามารถตกลงกันได้ที่จะปรับลดกำลังการผลิตมาอยู่ที่ระดับ 32.5 – 33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายหลังประเทศในกลุ่มโอเปกมีท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้นจากการให้ข้อเสนอกับอิหร่านที่จะคงกำลังการผลิตที่ระดับ 3.92 ล้านบาร์เรลต่อวัน และอิรักที่ออกมากล่าวว่ามีความพร้อมที่จะปรับลดกำลังการผลิต จากแหล่งข่าวภายในของโอเปกกล่าวว่า ข้อเสนอที่มีการพิจารณาอยู่คือ ประเทศสมาชิกแต่ละรายจะมีการปรับลดกำลังการผลิตลงราวร้อยละ 4.0 – 4.5 ยกเว้นลิเบียและไนจีเรีย ในขณะที่ รัสเซียออกมากล่าวสนับสนุนข้อตกลงดังกล่าวและกล่าวว่าจะทำการคงกำลังการผลิตไว้ที่ระดับเดิม ซึ่งจะช่วยให้อุปทานส่วนเพิ่มจากรัสเซียที่จะเข้ามาในปี 2017 ลดลงถึง 0.2 – 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของไนจีเรียมีแนวโน้มปรับลดลง หลังล่าสุดกลุ่ม Niger Delta Avengers (NDA) กลับมาโจมตีท่อขนส่งน้ำมันดิบ Trans Forcados Pipeline เนื่องจากการเจรจาระหว่างรัฐบาลและกลุ่มกองกำลังติดอาวุธยังไม่มีความคืบหน้าและรัฐบาลยังคงตรึงกองกำลังทหารอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ Forcardos ซึ่งมีกำลังการผลิตโดยเฉลี่ยราว 0.20 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต้องหยุดดำเนินการผลิตและการส่งออกในทันที โดยความเสียหายและระยะเวลาที่จะกลับมาดำเนินการผลิตยังไม่แน่ชัด
ภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาดในสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลาย หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง เนื่องจากโรงกลั่นในสหรัฐฯ กลับมาจากการปิดซ่อมบำรุงและเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันเพื่อทำความร้อน ประกอบกับ ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุดวันที่ 17 พ.ย. 2559 ปรับตัวลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น หลังปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 158 แท่นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หลังราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวแตะระดับ 45 - 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในช่วงที่ผ่านมา โดยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบรายงานโดย Baker Hughes สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 25 พ.ย. ปรับเพิ่ม 3 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 474 แท่น โดยกว่าสองในสามของจำนวนแท่นขุดเจาะทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นมาจากแหล่งผลิต Permian เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตที่มีต้นทุนค่อนข้างต่ำ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 3/59 สหรัฐฯ ดัชนีภาคการผลิตและภาคการบริการจีน ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ และยูโรโซน อัตราการว่างงานสหรัฐฯ และการจ้างงานนอกภาคเกษตร
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (21 พ.ย. – 25 พ.ย. 59)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 0.37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 46.06 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.38 เหรียญสหรัฐฯ ปิดที่ 47.24 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 46 เหรียญสหรัฐฯ หลังตลาดคาดว่ากลุ่มโอเปกจะสามารถตกลงปรับลดกำลังการผลิตมาอยู่ที่ระดับ 32.5 – 33.0 ล้านบาร์เรลต่อวันได้ ภายหลังจากท่าทีของประเทศสมาชิกในกลุ่มโอเปกผ่อนคลายลง โดยมีการอนุญาตให้อิหร่านคงกำลังการผลิต และพร้อมที่จะมีการปรับลดกำลังการผลิตลงโดยเฉลี่ยร้อยละ 4 – 4.5 นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.67 ล้านบาร์เรล