- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 21 November 2016 19:13
- Hits: 4742
ก.พลังงาน เตรียมคลอดเกณฑ์อาคารประหยัดพลังงาน พื้นที่ 10,000 ตร.ม.ขึ้นไป บังคับใช้ปี 60 คาดช่วยประหยัดไฟ 74 ล้านหน่วย/ปี
ก.พลังงาน มอบฉลากรับรองมาตรฐาน กระตุ้นภาครัฐ-เอกชนออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน พร้อมบูรณาการกรมโยธาธิการและผังเมือง เคาะเกณฑ์อาคารประหยัดพลังงานนำร่องอาคารขนาดพื้นที่ 10,000 ตร.ม.ขึ้นไป เล็งบังคับใช้ปี 60 คาดเกิดผลประหยัดไฟฟ้า 74 ล้านหน่วยต่อปี หรือ 260 ล้านบาทต่อปี
พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานมอบฉลากรับรองมาตรฐานการออกแบบอาคารที่มีประสิทธิภาพพลังงานสำหรับอาคารใหม่ ว่า การบังคับใช้เกณฑ์การออกแบบอาคารใหม่ด้านพลังงาน (Building Energy Code) คาดว่า จะสามารถเสนอคณะกรรมการควบคุมอาคารได้ภายในเดือน พ.ย.2559 นี้ ซึ่งเบื้องต้นจะกำหนดให้อาคารที่จะขออนุญาตสร้างใหม่หรือดัดแปลงอาคารเพิ่มเติมที่มีขนาดตั้งแต่ 10,000 ตางรางเมตรขึ้นไป ครอบคลุมอาคาร 9 ประเภท ได้แก่ สถานพยาบาล สถานศึกษา สำนักงาน อาคารชุด อาคารชุมนุมคน โรงมหรสพ โรงแรม อาคารสถานบริการ และอาคารศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า จะต้องออกแบบเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยใช้เกณฑ์ BEC ดังกล่าว โดยคาดว่าจะมีผลบังคับในปี 2560 ซึ่งจะเกิดผลประหยัดไฟฟ้าประมาณ 74 ล้านหน่วยต่อปี หรือคิดเป็น 260 ล้านบาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 43,000 ตันคาร์บอนต่อปี
นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) กล่าวว่า คณะกรรมการควบคุมอาคารอยู่ระหว่างพิจารณาร่างกฏกระทรวง กำหนดประเภท หรือขนาดของอาคารและมาตรฐาน หลักเกณฑ์และวิธีการในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อบังคับใช้กับอาคารที่จะขออนุญาตก่อสร้างใหม่หรือดัดแปลงอาคารเพิ่มเติมที่มีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป แต่จะนำร่องกับอาคารขนาด 10,000 ตางรางเมตรขึ้นไปก่อน ส่วนปี 2561 จะเริ่มบังคับอาคารใหม่/ต่อเติม/ปรับปรุงที่มีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 5,000 ตางรางเมตรขึ้นไป และ ปี 2562 จะเป็นอาคารสร้างใหม่ที่มีพื้นที่เกิน 2,000 ตารางเมตร โดยเบื้องต้นคาดว่าอาจจะมีต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้นไม่เกิน 5% ซึ่งจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 3-5 ปี แต่ในภาพรวมจะส่งผลดีต่อการประหยัดพลังงานของประเทศที่ลดลงไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านการมอบรางวัลรับรองมาตรฐานอาคารฯ ในวันนี้ พพ. ได้พิจารณาจากแบบอาคารภาครัฐและเอกชน ที่ส่งแบบอาคารมาตรวจประเมิน ตั้งแต่ปี 2552-2558 ซึ่งผลการตัดสินจากจำนวน 115 อาคารที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน แบ่งเป็นจากหน่วยงานภาครัฐ 76 แห่ง (105 อาคาร) และภาคเอกชน 8 แห่ง (10 อาคาร) พบว่า มีผู้ได้รับรางวัลฉลากแบบอาคารระดับ ดี 30 หน่วยงาน จากแบบอาคาร 46 แบบอาคาร ผู้ได้รับรางวัลฉลากแบบอาคารระดับ ดีมาก 24 หน่วยงาน จากแบบอาคาร 32 แบบอาคาร และผู้ได้รับฉลากแบบอาคารระดับ ดีเด่น 9 หน่วยงาน จากแบบอาคาร 9 แบบอาคาร
“การติดฉลากรับรองมาตรฐานการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ในปี 2559 เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมและกระตุ้นให้ภาครัฐ เอกชน เห็นความสำคัญและดำเนินการออกแบบอาคารให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานการออกแบบอาคาร BEC โดย "มาตรฐาน Building Energy Code ภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP 2015) กำหนดเป้าหมายการดำเนินงานผลักดันให้อาคารที่ก่อสร้างใหม่มีการออกแบบอาคารให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน โดยจะมีผลการประหยัดพลังงานรวมจนถึงปี 2579 อยู่ที่ 13,686 กิกะวัตต์-ชั่วโมง หรือ 1,166 ตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ" นายประพนธ์ กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย