WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

OIL31ไทยออยล์ วิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 21-25 พ.ย.59 และสรุปสถานการณ์ฯ 14-18 พ.ย.59

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (21 พ.ย. – 25 พ.ย. 59)

  ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าจะผันผวน หลังตลาดยังคงกังวลกับข้อตกลงของกลุ่มโอเปกที่จะปรับลดปริมาณการผลิตมาอยู่ที่ระดับ 32.5 – 33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับการผลิตในเดือน ต.ค. ที่ระดับ 33.64 ล้านบาร์เรลต่อวัน ประกอบกับ แรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นจากภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาดในสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบของไนจีเรียที่มีแนวโน้มปรับลดลง จากสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

  จับตาการประชุมกลุ่มโอเปกในวันที่ 25 พ.ย. นี้ โดยตลาดคาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงของกลุ่มโอเปกที่จะปรับลดปริมาณการผลิตมาอยู่ที่ระดับ 32.5 – 33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ดี ปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปกปรับเพิ่มขึ้นมาสู่ระดับ 33.64 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากลิเบีย ไนจีเรีย และอิรัก ส่งผลให้ผู้ผลิตกลุ่มโอเปกต้องปรับลดกำลังการผลิตถึง 0.64 – 1.14 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อที่จะบรรลุข้อตกลง

  ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของไนจีเรียมีแนวโน้มปรับลดลง หลังล่าสุดกลุ่ม Niger Delta Avengers (NDA) โจมตีท่อขนส่งน้ำมันดิบ Nembe Creek Trunk Line ซึ่งเป็นท่อขนส่งน้ำมันดิบ Bonny Light ที่มีปริมาณการผลิตโดยเฉลี่ยราว 210,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2559 ซึ่งนับเป็นการโจมตีครั้งที่สองต่อเนื่องจากต้นเดือน พ.ย. ที่กลุ่มดังกล่าวได้ทำการโจมตีท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forcados ทำให้ต้องหยุดดำเนินการผลิตและการส่งออกในทันที

  ตลาดมีความกังวลกับภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาดในสหรัฐฯ มากขึ้น หลังปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 13.2% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุดวันที่ 11 พ.ย. 2559 ที่ปรับเพิ่มขึ้น 5.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้และนับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังสหรัฐฯ ขยับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดยปรับเพิ่มขึ้นราว 1.8 ล้านบาร์เรล มาสู่ระดับ 850.6 ล้านบาร์เรล

  ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 13 – 14 ธ.ค. นี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาสถึงร้อยละ 94 ที่เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังตลาดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในอนาคตมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลให้การบริโภคมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามมา

ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต หลังปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น โดยล่าสุด ปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 18 พ.ย. ปรับเพิ่ม 19 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 471 แท่น ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นถึง 21 สัปดาห์จากทั้งหมด 24 สัปดาห์ ส่งผลให้ปริมาณการผลิตในสหรัฐฯ ยังคงทรงตัวต่อเนื่องได้ที่ระดับ 8.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน ดัชนีภาคการผลิตและบริการสหรัฐฯ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐฯ

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (14 พ.ย. – 18 พ.ย. 59)

  ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 2.28 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 45.69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.11 เหรียญสหรัฐฯ ปิดที่ 46.86 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 43 เหรียญสหรัฐฯ หลังได้รับแรงสนับสนุนจากความคาดหวังของตลาดว่ากลุ่มโอเปกจะสามารถเจรจาเพื่อลดกำลังการผลิตได้สำเร็จในการประชุมวันที่ 30 พ.ย. นี้ หลังเลขาธิการประจำกลุ่มโอเปกเดินทางเพื่อไปหารือประเด็นดังกล่าวกับอิหร่านและเวเนซุเอลา

     ประกอบกับ จะมีการจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่กรุงโดฮา โดยจะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของกลุ่มโอเปกและรัสเซียเข้าร่วมการประชุมด้วย แม้ว่ารัฐมนตรีของอิหร่านจะไม่เข้าร่วมการประชุม แต่จะมีการส่งตัวแทนเข้าร่วม อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 5.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ในขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบทรงตัว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!