- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Thursday, 10 November 2016 23:01
- Hits: 5769
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังหุ้น และสกุลเงินสหรัฐฯ ฟื้นตัว
+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น ตามตลาดหุ้น และสกุลเงินสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัว หลังจากที่ก่อนหน้านี้นักลงทุนเกิดความตื่นตระหนกกับผลการนับคะแนนเลือกตั้งที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน มีโอกาสชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ทำให้เกิดการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างรุนแรงเพื่อไปลงทุนในตลาดทองคำ หรือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อย (Safe Haven) แทน อย่างไรก็ดี ในช่วงหลังการประกาศผลการเลือกตั้ง นักลงทุนได้กลับมาซื้อ-ขายในสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง หุ้น และน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น
+ นโยบายด้านภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่ออิหร่าน อาจมีการเปลี่ยนแปลง หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เนื่องจากนายทรัมป์ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน ที่ทำให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันดิบได้อีกครั้งตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา
- นักวิเคราะห์แสดงความกังวลเกี่ยวกับทิศทางนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวหรือไม่ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เนื่องจากนายทรัมป์มีนโยบายในลักษณะกีดกันทางการค้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย
- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 4 พ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 485.0 ล้านบาร์เรล ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ยังปรับเพิ่มขึ้น 0.17 ล้านบาร์เรล สร้างความกังวลให้กับตลาดว่าการผลิตน้ำมันดิบจาก Shale oil จะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดไว้
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากมีแรงซื้อจากศรีลังกาและอินโดนีเซียเข้ามาในตลาด อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันเบนซินยังถูกกดดันจากโรงกลั่นน้ำมันในญี่ปุ่นที่ผลิตมากขึ้น หลังกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากมีแรงซื้อจากเวียดนาม และปริมาณการส่งออกจากอินเดียปรับลดลง หลังความต้องการใช้ในประเทศสูง อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดีเซลยังถูกกดดันจากอุปทานในภูมิภาคที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังภูมิภาคตะวันออกกลางส่งออกน้ำมันดีเซลมายังตลาดสิงคโปร์มากขึ้น
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 43-48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 44-49 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับข้อตกลงของกลุ่มโอเปกที่กำหนดเพดานการผลิตไว้ที่ 32.5 – 33.0 ล้านบาร์เรล เนื่องจากยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน หลังกลุ่มโอเปกไม่สามารถตกลงเกี่ยวกับรายละเอียดของมาตรการลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 28 – 29 ต.ค. ประกอบกับ อุปทานจากลิเบีย และ ไนจีเรียที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ประเทศนอกกลุ่มโอเปกเช่น บราซิล และ คาซัคสถาน ยังมีแผนเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นอีกในอนาคต โดยกลุ่มโอเปกจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย. นี้
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตกลุ่มโอเปกคาดการณ์โดยสำนักข่าว Reuters มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ระดับ 33.83 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ต.ค. จากระดับ 33.69 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ก.ย. โดยเพิ่มขึ้นจากไนจีเรีย ลิเบีย และ อิรัก ส่งผลให้ตลาดมีความกังวลมากขึ้นว่าข้อตกลงของผู้ผลิตกลุ่มโอเปกจะไม่ประสบความสำเร็จ