- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Thursday, 03 November 2016 23:49
- Hits: 7201
ราคาน้ำมันดิบปรับลงต่อเนื่อง หลัง EIA รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สูงขึ้นถึง 14.4 ล้านบาร์เรล
- ราคาน้ำมันดิบปรับลงอีกราว 3 เปอร์เซ็นต์ หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 ต.ค. 59 ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 14.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มทำการเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2525 และมากกว่าตัวเลขรายงานจาก API เมื่อวานนี้ส่งผลต่อความกังวลของนักลงทุนว่าสถานการณ์น้ำมันดิบล้นตลาดจะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- โดยการเพิ่มขึ้นของน้ำมันดิบดังกล่าวเกิดจากการที่โรงกลั่นลดการผลิตน้ำมัน และสหรัฐฯ มีการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.99 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว
- นอกจากนี้ตลาดยังกังวลเรื่องปริมาณน้ำมันดิบจากผู้ผลิตในกลุ่ม OPEC ซึ่งมีแนวโน้มผลิตน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 33.82 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. เมื่อเทียบกับ 33.69 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. ถึงแม้ว่าจะมีการทำการประชุมและหาข้อตกลงกันหลายครั้ง รวมไปถึงที่จะมีการประชุมในวันที่ 30 พ.ย. นี้ แต่ก็ยังไม่มีข้อตกลงอย่างเป็นทางการที่จะลดกำลังการผลิตลงเพื่อรักษาระดับของราคาน้ำมันดิบ
- รวมถึง 2 ผู้ผลิตที่เคยมีปัญหาในช่วงก่อนหน้า อย่างไนจีเรียและลิเบีย เริ่มมีการเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปริมารการส่งออกของไนจีเรียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบของลิเบียอยู่ที่ 590,000 บาร์เรลต่อวัน
- นอกจากนี้ตลาดยังกังวลเรื่องปริมาณน้ำมันดิบจากผู้ผลิตในกลุ่ม OPEC ซึ่งมีแนวโน้มผลิตน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 33.82 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. เมื่อเทียบกับ 33.69 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. ถึงแม้ว่าจะมีการทำการประชุมและหาข้อตกลงกันหลายครั้ง รวมไปถึงที่จะมีการประชุมในวันที่ 30 พ.ย. นี้ แต่ก็ยังไม่มีข้อตกลงอย่างเป็นทางการที่จะลดกำลังการผลิตลงเพื่อรักษาระดับของราคาน้ำมันดิบ
- รวมถึง 2 ผู้ผลิตที่เคยมีปัญหาในช่วงก่อนหน้า อย่างไนจีเรียและลิเบีย เริ่มมีการเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปริมารการส่งออกของไนจีเรียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบของลิเบียอยู่ที่ 590,000 บาร์เรลต่อวัน
- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. เนื่องจากเศรษฐกิจมีการปรับตัวดีขึ้น และอัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานในเอเชียเหนือมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าเดือนต.ค.หลังจากปิดซ่อมบำรุงเสร็จสิ้น อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการท่อขนส่ง Colonial ในภาคตะวันออกของสหรัฐฯ ระเบิด
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณน้ำมันดีเซลสำรองในภูมิภาคเอเชียอยู่ในระดับสูง เนื่องจากการกลับมาผลิตของโรงกลั่นในภูมิภาค อย่างไรก็ดี อุปสงค์ในประเทศจีนปรับตัวดีขึ้นจากการขนส่งทางบกและทางน้ำที่สูงขึ้น หลังตลาดถ่านหินเติบโตในระดับดีช่วยสนับสนุนการขนส่งให้มากขึ้น
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่่อนไหวในกรอบ 46-51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง หลังโรงกลั่นน้ำมันดิบกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุงและปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 21 ต.ค. ปรับตัวลดลง 0.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน
จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 1 – 2 พ.ย. นี้ ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ โดยตลาดคาดว่าในการประชุมครั้งนี้เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม เนื่องจากยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 8 พ.ย. โดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยคาดจะเป็นการประชุมครั้งถัดไปในเดือน ธ.ค.