- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 01 November 2016 21:58
- Hits: 8058
ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังตลาดกังวลในข้อตกลงลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและการคาดการณ์อุปทานที่เพิ่มขึ้น
- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังจากได้รับแรงกดดันจากความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนจากมาตรการการบังคับใช้ข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก ถึงแม้ว่า ชาติสมาชิกในกลุ่มโอเปกได้มีการอนุมัติให้ผ่านร่างยุทธศาสตร์ระยะยาวในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงการบริหารจัดการปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม อย่างไรก็ดี การประชุมร่วมของตัวแทนจากกลุ่มโอเปกและกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างชัดเจน หลังจากได้มีการประชุมกันในวันศุกร์และวันเสาร์ที่ผ่านมา
- ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากผลสำรวจจากรอยเตอร์ที่บ่งบอกว่า ระดับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในเดือนตุลาคมที่ระดับ 33.82 ล้านบาร์เรลต่อวันปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายนที่ระดับ 33.69 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นผลมาจากการกลับมาส่งออกน้ำมันดิบได้อีกครั้งของประเทศลิเบียและไนจีเรีย รวมไปถึงการเร่งส่งออกน้ำมันดิบของประเทศอิรัก
- นอกจากนี้ ถึงแม้ว่ารัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่นอกกลุ่มโอเปกจะได้มีการตอบรับแผนควบคุมการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก แต่จากร่างแผนงบประมาณประจำปีของรัสเซีย นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่า รัสเซียจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในปี 2560 และ 2561 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 และ 0.9 ตามลำดับ จากระดับ 544 ล้านตันในปี 2559 นี้
+/- ผลสำรวจของรอยเตอร์ ได้บ่งบอกว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังไม่ปรับตัวเลขคาดกาณ์ราคาน้ำมันดิบในปี 2559 และปี 2560 ไปมากนัก หลังค่าเฉลี่ยตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบยังอยู่ที่ 44.78 และ 57.08 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของการคาดการณ์ราคาน้ำมันในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากนักวิเคราะห์ยังคงรอท่าทีของแผนการควบคุมกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินถูกกดดันจากอุปทานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากภูมิภาคเอเชียเหนือในเดือน ธ.ค. หลังจากกลับมาจากช่วงโรงกลั่นปิดซ่อมบำรุง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่มีแนวโน้มลดลง หลังโรงกลั่นในประเทศจีนได้ปรับลดสัดส่วนการผลิตน้ำมันดีเซลในปีนี้และหันมาผลิตน้ำมันเบนซินมากขึ้นเพื่อตอบสนองต่อส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดิบดูไบที่อยู่ในระดับสูง
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 48-53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่อง หลังโรงกลั่นน้ำมันดิบกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุงและปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 21 ต.ค. ปรับตัวลดลง 0.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน
จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 1 – 2 พ.ย. นี้ ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ โดยตลาดคาดว่าในการประชุมครั้งนี้เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม เนื่องจากยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 8 พ.ย. โดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยคาดจะเป็นการประชุมครั้งถัดไปในเดือน ธ.ค.