- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 17 October 2016 18:52
- Hits: 8209
ไทยออยล์ คาดการณ์สถานการณ์ราคาน้ำมัน 17-21 ต.ค. 59 และสรุปสถานการณ์ฯ 10-14 ต.ค. 59
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (17 - 21 ต.ค. 59)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าจะยังทรงตัวในระดับสูง หลังนายกรัฐมนตรีของประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างรัสเซียและซาอุดิอาระเบียสนับสนุนมาตรการการคงหรือลดกำลังการผลิต ซึ่งคาดว่าข่าวความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตกลุ่มโอเปกและรัสเซียจะช่วยหนุนราคาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ราคายังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในไนจีเรีย และ ลิเบียที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น จากอัตราการกลั่นที่มีแนวโน้มปรับลดลง และปริมาณการนำเข้าที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงจำนวนหลุมขุดเจาะมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบแตะจุดคุ้มทุนที่ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ข่าวความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตกลุ่มโอเปกและรัสเซียคาดว่าจะหนุนราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง หลังนายกรัฐมนตรีของรัสเซียพร้อมที่จะร่วมมือกับกลุ่มโอเปกในการคงกำลังการผลิต ขณะที่ ซาอุดิอาระเบียเองก็มองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มโอเปกจะบรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตลงสู่ระดับ 32.5 - 33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ กลุ่มโอเปกเตรียมจัดประชุมในวันที่ 28 – 29 ต.ค. อีกครั้งเพื่อพิจารณากำลังการผลิตและจะทำการเชิญผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวด้วยเช่นกัน
การเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในไนจีเรียคาดว่าจะส่งผลกดดันราคาน้ำมัน หลังมีการคาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบและคอนเดนเสทในเดือน พ.ย. อาจแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ราว 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังประเทศกลับมาส่งออกน้ำมันดิบ Bonny light, Qua lboe และ Forcados ได้อีกครั้ง และคาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ไนจีเรียยังคงเผชิญความเสี่ยงกับการโจมตีท่อขนส่งน้ำมันดิบ โดยล่าสุดกลุ่ม Niger Delta Greenland Justice Mandate ได้โจมตีท่อขนส่งน้ำมันของบริษัทน้ำมันแห่งชาติไนจีเรียปลายเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา
ท่าเรือ Zueitina, Ras Lanuf, และ Es Sider หลังจากที่กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งส่งผลให้การผลิตน้ำมันดิบของประเทศลิเบียปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.54 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ต.ค. จากที่เคยผลิตอยู่ที่ระดับ 0.485 และ 0.32 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ก.ย. และ เดือน ส.ค. ตามลำดับ ขณะที่บริษัทน้ำมันแห่งชาติลิเบียยังคาดว่า ลิเบียจะสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตแตะระดับ 0.9 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในสิ้นปี 2559
ภาวะอุปทานล้นตลาดมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณการนำเข้ามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 7 ต.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.85 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงช่วยผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาดได้บ้าง
จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบแตะ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งคือระดับต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ส่งผลให้จำนวนแท่นหลุมขุดเจาะรายงานโดย Baker Hughes ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วขึ้น โดยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 14 ต.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 แท่น มาสู่ระดับ 432 แท่น
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกจีน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน การลงทุนทางตรงจีน GDP ไตรมาส 3/2016 จีน ดัชนีการผลิตและบริการยูโรโซน และ ดัชนีการผลิตและบริการสหรัฐฯ
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (10 - 14 ต.ค. 59)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.54 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 50.35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.02 เหรียญสหรัฐฯ ปิดที่ 51.95 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 49.5 เหรียญสหรัฐฯ หลังได้รับแรงหนุนจากข่าวการประชุมระหว่างกลุ่มโอเปก และนอกกลุ่มโอเปกในงาน World Energy Congress ที่เมืองอิสตันบูล ระหว่างวันที่ 9 – 13 ต.ค. อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือน ก.ย. ที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีที่ 33.39 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้นกว่า 220,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนก่อนหน้า โดยปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากลิเบียและไนจีเรีย นอกจากนี้ ราคายังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด วันที่ 7 ต.ค. ที่ปรับเพิ่มขึ้น 4.85 บาร์เรล มาอยู่ที่ 473.96 บาร์เรล