- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 26 September 2016 22:23
- Hits: 6764
ไทยออยล์ คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 26-30 ก.ย. 59 และสรุปสถานการณ์ฯ 19-23 ก.ย. 59
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (26 - 30 ก.ย. 59)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าจะผันผวนอยู่ในระดับสูง เนื่องจากได้รับสัญญาณที่ดีจากความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิกโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกในการหารือสถานการณ์ตลาดและมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดิบ ประกอบกับภาวะอุปทานล้นตลาดมีแนวโน้มที่จะคลี่คลายลง นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม อย่างไรก็ดี ราคายังถูกกดดันจากการเริ่มส่งออกเพิ่มขึ้นจากลิเบีย
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ข่าวความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิกโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกในการหามาตรการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดิบคาดว่าจะส่งแรงหนุนต่อราคาน้ำมันดิบ หลังประธานาธิบดีเวเนซุเอลา กล่าวว่าการประชุมร่วมครั้งนี้มีแนวโน้มจะบรรลุข้อตกลงภายในเดือนนี้ ขณะที่การประชุมในวันที่ 26-28 ก.ย. นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการร่วมหารือกัน อย่างไรก็ตาม นายโมฮัมเหม็ด บาร์กินโด เลขาธิการกลุ่มโอเปกมองว่าการประชุมครั้งนี้อาจถือเป็นการประชุมอย่างไม่เป็นทางการเพื่อปรึกษาหารือเท่านั้น อาจยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ เกิดขึ้น
ตลาดน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในสหรัฐมีแนวโน้มตึงตัวมากขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ก.ย. ปรับลดลงต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ราว 6.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ยังลดลงราว 3.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลงเพียง 0.53 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง หลังธนาคารกลางของสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25-0.50% ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ วันที่ 20 – 21 ก.ย. ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะดีดตัวสูงขึ้นเป็นที่น่าพอใจ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะส่งผลให้มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ อย่างไรก็ตาม นางเจเน็ต เยลเลนส่งสัญญาณหลังการประชุมว่ามีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นดอกเบี้ยหนึ่งครั้งภายในปีนี้ หากตลาดแรงงานมีทิศทางที่ดีขึ้น
ลิเบียกลับมาส่งออกน้ำมันดิบปริมาณ 700,000 บาร์เรลออกจากท่าขนส่ง Ras Lanuf เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2014 ในขณะที่ เรือลำที่สองกำลังเตรียมที่จะส่งออกน้ำมันดิบเช่นกัน ซึ่งหากท่าขนส่งน้ำมันดิบ Ras Lanuf กลับมาดำเนินการได้ปกติ จะส่งผลให้กำลังการผลิตของประเทศลิเบียจะเพิ่มขึ้นอีก 220,000 บาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ผลิตอยู่ที่ระดับ 290,000 บาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม ประเทศลิเบียยังคงเผชิญกับความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ และยังเกิดเหตุการณ์บุกยึดท่าขนส่งน้ำมันดิบ Ras Lanuf ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ตลาดมีความกังวลกับภาวะอุปทานล้นตลาด หลัง Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสิ้นสุดสัปดาห์ ณ วันที่ 23 ก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 แท่น มาสู่ระดับ 418 แท่น เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 11 ในช่วง 12 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การเพิ่มขึ้นของจำนวนแท่นขุดเจาะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบกับเดือน ก.ค. เนื่องจากราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับราคาที่นักวิเคราะห์และผู้ผลิตเห็นพ้องกันว่าเหมาะแก่การลงทุนขุดเจาะหลุมน้ำมันดิบเพิ่ม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสหรัฐฯ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ดัชนีการบริการและภาคการผลิตจีน และจีดีพีไตรมาส 2/59 สหรัฐฯ
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (19 - 23 ก.ย. 59)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 44.48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.12 เหรียญสหรัฐฯ ปิดที่ 45.89 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 44 เหรียญสหรัฐฯ หลังตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ จาก EIA มีทิศทางเชิงบวก โดยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ก.ย. ปรับลดลง 6.2 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 504.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ และปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลงมากกว่าที่คาดไว้เช่นกัน นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลกับปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบที่อาจเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ จากการที่สถานการณ์ความไม่สงบในประเทศลิเบีย และประเทศไนจีเรียคลี่คลายลง