- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Friday, 09 September 2016 00:20
- Hits: 6055
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดมากที่สุดในรอบสามทศวรรษ
+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) ได้เปิดเผยตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า ปรับตัวลดลง 12.1 ล้านบาร์เรลลงมาแตะระดับ 514 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 225,000 บาร์เรล และยังนับว่าเป็นการปรับลดลงของปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่มากที่สุดตั้งแต่เดือนเมษายน 2528 อีกด้วย นอกจากนี้ ข้อมูลของ API ยังได้ระบุว่า การนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลงมาอยู่ที่ระดับ 7.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมไปถึงอัตราการกลั่นของโรงกลั่นในสหรัฐฯ ก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 227,000 บาร์เรลต่อวัน
+ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ราคาน้ำมันในสหรัฐฯ ยังได้ให้ความเห็นว่า หากข้อมูลของ API เป็นจริงตามที่ได้เปิดเผยออกมา ราคาน้ำมันดิบน่าจะปรับตัวขึ้นไปได้อีก หลังนักลงทุนในตลาดน้ำมันดิบน่าจะคลายความกังวลจากสภาวะอุปทานล้นตลาด และความหวังจากการเจรจาการจำกัดปริมาณการผลิตของกลุ่มประเทศโอเปกและผู้ผลิตน้ำมันดิบนอกกลุ่มโอเปกอย่างประเทศรัสเซียในรอบใหม่ โดยจะมีการหารือกันอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-28 กันยายน 2559 นี้ ที่ประเทศแอลจีเรีย
- อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางส่วนได้ให้ความเห็นว่า การปรับตัวลดลงของปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่เลวร้ายจากพายุ Hermine ซึ่งได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งของสหรัฐฯ และส่งผลทำให้การขนถ่ายน้ำมันดิบที่ชายฝั่งของสหรัฐฯ มีความยากลำบาก ซึ่งเป็นปัจจัยระยะสั้นเท่านั้น
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์เพิ่มเติมจากประเทศอินโดนีเซียที่ยังนำเข้าน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงอุปทานน้ำมันเบนซินที่ปรับตัวลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการน้ำมันดีเซลที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามราคายังคงถูกงกดดันจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.6 จากประเทศญี่ปุ่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 43-48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
โอกาสความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิกโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกในการประชุมปลายเดือนนี้เพื่อหารือสถานการณ์ตลาดและมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มเชิงบวกมากขึ้น หลังรัสเซียและซาอุดิอาระเบียได้บรรลุข้อตกลงในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน
ภาวะอุปทานน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปล้นตลาดยังคงอยู่ในระดับสูงและส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบต่อเนื่อง หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 26 ส.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 523.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 923,000 บาร์เรล
ปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวเข้าใกล้ระดับต้นทุนการผลิตที่ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรลจากรายงานของ Baker Hughes พบว่า ปริมาณแท่นขุดเจาะสำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ก.ย. จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบอยู่ที่ 407 แท่น เพิ่มขึ้นกว่า 77 แท่นจากต้นเดือน ก.ค.