- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Friday, 09 May 2014 23:34
- Hits: 3755
ราคาน้ำมันดิบลด หลังจากสถานการณ์ในยูเครนมีท่าทีจะคลี่คลายลง
-/+ ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง เนื่องจากตลาดยังคงรอและจับตามองสถานการณ์ในยูเครนซึ่งมีท่าทีที่จะคลี่คลายลงหลังจากมีการประกาศว่านาย วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้ออกคำสั่งถอนกองกำลังทหารออกจากชายแดนของประเทศยูเครนแล้ว แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มแบ่งแยกดินแดนปฎิเสธคำสั่งที่จะเลื่อนการลงประชามติสำหรับการแบ่งแยกดินแดนเพื่อความเป็นเอกราชของเมืองต่างๆ ในทางตะวันออกของยูเครน โดยจะยังคงมีการลงประชามติในวันที่ 11 พ.ค. นี้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าผลของการลงประชามติในครั้งนี้จะนำไปสู่สถานการณ์ภาวะสงครามได้
+ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ได้รับแรงสนับสนุน หลังจากกลุ่มผู้ก่อการกบฎออกมาคว่ำบาตรไม่ยอมรับนายอาห์เหม็ด มาทิก ซึ่งเพิ่งได้ถูกรับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของลิเบียเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้การเจรจาที่จะกลับมาเปิดท่าเรืออีก 2 แห่งนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยส่งผลให้ลิเบียยังคงมีกำลังการส่งออกน้ำมันดิบอยู่ที่ 250,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับกำลังการส่งออกปกติที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน
+ ประกอบกับตัวเลขการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนที่ประกาศออกมาปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลงไม่มากนัก โดยจีนมีการนำเข้าน้ำมันดิบ 6.78 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน เม.ย. ซึ่งปรับตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าเดือน มี.ค. ที่ 5.54 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือปรับเพิ่มขึ้นถึง 22.4%
+ ตัวเลขผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ ในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 พ.ค. ปรับตัวลดลง 26,000 ราย อยู่ที่ระดับ 319,000 ราย ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 325,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งมากขึ้นหลังจากที่มีการยื่นขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานจำนวนมากในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากยังคงมีความต้องการน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามราคาถูกกดดันโดยปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังที่สิงคโปร์ปรับเพิ่มสูงมากขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากมีอุปทานในภูมิภาคอยู่ระดับสูง ประกอบกับปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังที่สิงคโปร์ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง
ติดต่อกัน
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 98-105 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 105-111 เหรียญฯ
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเริ่มปรับตัวลดลงหลังจากโรงกลั่นบางส่วนทยอยกลับมาดำเนินการหลังจากช่วงปิดซ่อมบำรุงประจำปี
สถานการณ์ความตึงเครียดกรณีรัสเซีย-ยูเครน ภายหลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางฝั่งตะวันออกของยูเครนระหว่างกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่ฝ่ายรัสเซีย และทหารของรัฐบาล โดยล่าสุดมีแผนการลงประชามติแบ่งแยกดินแดนดังกล่าวเพื่อผนวกเข้ากับรัสเซีย
การเจรจาเปิดใช้ท่าขนส่งน้ำมันดิบ Las Ranuf และ Es Siderเพิ่มเติม ซึ่งหากสำเร็จลุล่วงจะทำให้ลิเบียส่งออกน้ำมันดิบได้เพิ่มอีกราว 650,000 บาร์เรลต่อวัน
รายงานประจำเดือนพ.ค. ของ OPEC และIEA ที่จะออกมาในวันที่ 13 และ 15 พ.ค.นี้ ตามลำดับ ว่าจะมีมุมมองต่ออุปสงค์และอุปทานน้ำมันดิบโลก หลังจากอุปสงค์น้ำมันดิบโลกถูกกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่ส่อเค้าซบเซา รวมไปถึงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจรัสเซีย
จีดีพีไตรมาส 1/57 ของสหภาพยุโรป ที่จะประกาศในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าหรือไม่ท่ามกลางความกังวลกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของสหภาพยุโรป หากการคว่ำบาตรต่อรัสเซียซึ่งเป็นคู่ค่าสำคัญทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น