- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Saturday, 20 August 2016 20:00
- Hits: 4660
ปตท. พร้อมรองรับให้บริการเอ็นจีวี ในช่วงแหล่งก๊าซฯ เจดีเอ ปิดซ่อมบำรุง
นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทผู้ผลิตแหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ-เอ18) มีแผนปิดซ่อมบำรุงระหว่างวันที่ 20-31 สิงหาคม 2559 รวม 12 วัน มีผลกระทบต่อการให้บริการของสถานีบริการเอ็นจีวี ทั้งหมด 14 แห่งในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สงขลา เป็นเวลา 10 วัน(20 – 29 สิงหาคม 2559)
ทั้งนี้ ปตท. ได้มีการบริหารจัดการสื่อความกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ใช้รถ ผู้บริหารสถานี หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนทั่วไป อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งลงพื้นที่พบปะและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวางแผนการบริหารจัดการจัดส่งก๊าซเอ็นจีวี ในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างเหมาะสม โดยขนส่งก๊าซเอ็นจีวีจากสถานีก๊าซธรรมชาติหลักในพื้นที่ส่วนกลางและสำรองก๊าซเอ็นจีวีล่วงหน้าจากสถานีก๊าซธรรมชาติหลักจะนะ จ. สงขลา รวมถึงจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการเอ็นจีวี ในช่วงแหล่งก๊าซเจดีเอปิดซ่อมบำรุง เพื่อติดตามผลกระทบการปฏิบัติงานและบริหารจัดการสถานการณ์รายวัน
อย่างไรก็ตาม การขนส่งก๊าซเอ็นจีวีจากพื้นที่ส่วนกลางมายังภาคใต้ตอนล่างด้วยระยะทางที่ไกลกว่า 800 กิโลเมตร และใช้เวลาการขนส่งนานกว่า 25 ชั่วโมง/เที่ยว ทำให้ปริมาณก๊าซเอ็นจีวีที่ลดลงกว่าช่วงปกติ และมีความจำเป็นต้องปิดสถานีบริการฯ 4 แห่งในช่วงวันที่ 20-29 สิงหาคม 2559 ประกอบด้วย สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. ทักษิณออยล์ อ.ท่าฉาง จ.สุราษฏร์ธานี สถานีบริการเอ็นจีวี อรพรรณก๊าซ ทุ่งสง จ. นครศรีธรรมราช สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. สายแก้วปิโตร 1999 ถ.ราษฏร์อุทิศ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท.จะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา และสถานีบริการอีก 1 แห่ง ในช่วงวันที่ 23 – 29 สิงหาคม 2559 (จำนวน 7 วัน) คือ สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. ขนอม อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช
“ปตท. มีความห่วงใยผู้ใช้รถ จึงได้วางแผนจัดสรรก๊าซเอ็นจีวีให้ผู้ใช้รถให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทางในช่วงดังกล่าว ปตท. ใคร่ขอแนะนำให้ผู้ใช้รถยนต์ที่มีเชื้อเพลิง 2 ระบบ (น้ำมันและก๊าซเอ็นจีวี) โปรดพิจารณาเลือกใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง และผู้ที่เดินทางในเส้นทางดังกล่าวโปรดวางแผนการใช้เชื้อเพลิงล่วงหน้า หากบริษัทผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติแหล่งเจดีเอดำเนินการซ่อมบำรุงแล้วเสร็จ ปตท. จะเร่งจัดส่งก๊าซเอ็นจีวีเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้รถเอ็นจีวีตามปกติโดยเร็วที่สุด”นายสมเกียรติ กล่าวเสริมในตอนท้าย
ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ PTT Contact Center โทร. 1365 หรือศึกษาข้อมูลสถานีบริการได้ที่โมบายแอพพลิเคชั่น PTT Life Station
กฟผ.เผย ปิดซ่อมบำรุงในแหล่ง JDA-A18 ระหว่าง 20-31 ส.ค.นี้ ไม่มีปัญหา ผนึกทุกฝ่ายเตรียมมาตรการรองรับ
นายสุธน บุญประสงค์ รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า การหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งพัฒนาร่วม ไทย-มาเลเซีย (JDA - A18) ในช่วงวันที่ 20-31 สิงหาคม 2559 เพื่อบำรุงรักษาประจำปีนั้น จะทำให้ปริมาณก๊าซธรรมชาติหายไปจากระบบ 421 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน นั้น จะไม่มีปัญหา เนื่องจากกฟผ.และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องได้เตรียมมาตรการรองรับในทุกด้าน ทั้งด้านผลิตไฟฟ้า ระบบส่งและเชื้อเพลิง พร้อมขอ ความร่วมมือประชาชน ภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ช่วงการหยุดจ่ายก๊าซ ธรรมชาติดังกล่าว เพื่อเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าอีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 1 ของ กฟผ. พร้อมเดินเครื่องด้วยน้ำมันดีเซลแทน ซึ่ง ได้ดำเนินการทดสอบเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งยังได้ตรวจสอบโรงไฟฟ้าภาคใต้ทั้งหมดให้พร้อมใช้งาน งดการหยุดเดินเครื่องเพื่อบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าภาคใต้ในช่วงหยุดจ่ายก๊าซฯ และประสานการไฟฟ้า มาเลเซียขอซื้อไฟฟ้าในกรณีฉุกเฉินด้วย
สำหรับ ด้านระบบส่งได้ให้ความสำคัญกับระบบส่งเชื่อมโยงภาคกลาง-ภาคใต้ และระบบส่งในเขตภาค ใต้เอง ส่วนด้านเชื้อเพลิง มีการสำรองน้ำมันที่โรงไฟฟ้ากระบี่ โรงไฟฟ้าจะนะ โรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ สุราษฎร์ธานี เต็มความสามารถในการจัดเก็บ เพื่อให้มีปริมาณเชื้อเพลิงเพียงพอต่อการใช้งาน อย่างไรก็ตามกฟผ.ไม่ประมาท ได้เตรียมทีมงานติดตามสถานการณ์ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องอย่างใกล้ชิดในช่วง 12 วันนับจากวันนี้จนกว่าจะกลับมาจ่ายก๊าซได้ตามปกติ
พร้อมกันนี้ กฟผ. ได้ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนช่วยกันประหยัดพลังงาน ในช่วงเวลาที่มีความ ต้องการใช้ไฟฟ้าสูง ช่วงเวลา 18.00 - 21.30 น. ระหว่างการหยุดจ่ายก๊าซวันที่ 20 - 31 สิงหาคม 2559 เพื่อความมั่นคงเชื่อถือได้ของระบบผลิตไฟฟ้าของภาคใต้และภาพรวมของประเทศ เป็นสำคัญ และสามารถติดตามสถานการณ์การผลิตและส่งจ่ายไฟฟ้าได้ที่ https://www.sothailand.com/jdashutdown
ทั้งนี้ การหยุดจ่ายก๊าซจากแหล่งพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA-A18) เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ใน ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้เติบโตเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 5 ต่อปี จึงมีความจำเป็นในการ จัดหาแหล่งผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้เพิ่มเติม เพื่อให้ระบบไฟฟ้าภาคใต้มีเพียงพอและมั่นคงในระยะ ยาว โดยต้องมีการกระจายเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าให้สมดุล
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย