- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Friday, 08 July 2016 16:13
- Hits: 1206
ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังสต๊อกสหรัฐฯ ปรับลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้และอุปทานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากไนจีเรียและลิเบีย
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสปรับลดลงกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลงเพียง 2.2 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับที่น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.3 ล้านบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับสูง ประกอบกับ โรงกลั่นสหรัฐฯ มีการลดกำลังการกลั่นลงเล็กน้อย หลังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงมาก
- ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากไนจีเรียมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น หลังจาก Shell ประกาศยกเลิก Force Majeure และเตรียมที่จะกลับมาส่งออกน้ำมันดิบในเร็วนี้ หลังในช่วงที่ผ่านมาสามารถซ่อมแซมท่อขนส่งน้ำมันดิบให้สามารถกลับมาดำเนินการได้ตามเดิม อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะคลี่คลายหรือไม่ หลังล่าสุดกลุ่มติดอาวุธ Niger Delta Avengers ยังคงเดินหน้าโจมตีแหล่งการผลิตและท่อขนส่งน้ำมันของบริษัท Chevron ในเมือง Warri ทางตอนใต้ของประเทศไนจีเรีย เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา
- นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากลิเบียมีโอกาสเพิ่มขึ้นในเร็วนี้ หลังบริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียสามารถตกลงรวมตัวกันกับบริษัทน้ำมันอีกแห่งที่มีฐานที่มั่นตั้งอยู่ในฝั่งตะวันตกได้ โดยล่าสุด กองกำลังทหารที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลท่าเรือส่งออกน้ำมันดิบที่ใหญ่สุดในประเทศคือท่าเรือ Es-Sider และ Ras Lanuf ได้ออกมากล่าวว่าเตรียมที่จะร่วมมือกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากระดับปัจจุบันที่ประมาณ 350,000 บาร์เรลต่อวัน โดยหากสามารถกลับมาเปิดดำเนินการท่าเรือทั้งสองได้จะส่งผลให้ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นกว่า 600,000 บาร์เรลต่อวันในเร็วนี้
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานในเอเชียและสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง สะท้อนได้จากปริมาณสต๊อกน้ำมันเบนซินที่สิงคโปร์ที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 10.2 จากสัปดาห์ก่อนมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ที่ 14.527 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ตึงตัว หลังโรงกลั่นในไต้หวันและเกาหลีปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับ ปริมาณสต๊อกน้ำมันดีเซลที่สิงคโปร์ที่ปรับลดลงกว่าร้อยละ 3.2 จากสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ที่ระดับ 11 2 ล้านบาร์เรล
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณการผลิตน้ำมันของลิเบียมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น หลังจากบริษัทผลิตน้ำมันแห่งชาติของลิเบียสามารถตกลงรวมตัวกันได้ โดยล่าสุดรัฐบาลลิเบียเตรียมที่จะฟื้นฟูกำลังการผลิตน้ำมันดิบสู่ระดับ 700,000 บาร์เรลต่อวันภายในสิ้นปีนี้ หากท่าส่งออกกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ
ราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้นใกล้ระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เริ่มกลับมาขุดเจาะและผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติม โดยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ณ วันที่ 1 ก.ค. ปรับเพิ่มขึ้นปรับเพิ่มขึ้นกว่า 11 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 341 แท่น
จับตาสถานการณ์การผลิตน้ำมันดิบของไนจีเรีย หลังปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.8 – 1.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน และผู้ผลิตบางส่วนเริ่มกลับมาส่งออกตามปกติ อย่างไรก็ตาม กลุ่มติดอาวุธยังคงเดินหน้าโจมตีแหล่งผลิตและท่อขนส่งน้ำมันของบริษัท ส่งผลให้มีโอกาสที่ปริมาณการผลิตและส่งออกปรับลดลงค่อนข้างสูง