- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 24 May 2016 11:07
- Hits: 1422
ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 23-27 พ.ค. 59 และสรุปสถานการณ์ฯ 16-20 พ.ค. 59
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าจะยังคงทรงตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง หลังปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่ขาดหายไปที่แคนาดาและไนจีเรียซึ่งยังอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบ ประกอบกับ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่อาจปรับลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้ หลังจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี อย่างไรก็ตาม ราคายังคงได้รับแรงกดดันจาก ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และอิหร่านที่ยังคงเพิ่มปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบและคอนเดนเสทอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
สถานการณ์ไฟป่าในเมืองฟอร์ต แม็คเมอร์เรย์ ยังคงลุกลามต่อไปยังทิศเหนือและทิศตะวันออก ซึ่งส่งผลกระทบทำให้บริษัทน้ำมันที่วางแผนจะทยอยกลับมาดำเนินการผลิตในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องชะลอแผนออกไป หลังรัฐบาลยังคงมีคำสั่งอพยพแรงงานทางตอนเหนือเพิ่มเติมอีก 4,000 คน จากเดิมที่ได้มีการอพยพไปแล้วทั้งหมดกว่า 90,000 คนในช่วงก่อนหน้า โดยปัจจัยดังกล่าว ทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของแคนาดาในรัฐอัลเบอร์ตาต้องชะงักไปชั่วคราวกว่า 1.28 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ กว่า 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตของประเทศ อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเริ่มคลี่คลายลงในช่วงสัปดาห์หน้า หลังมีการพยากรณ์ว่าจะมีฝนตกในช่วงสุดสัปดาห์ และผู้ดำเนินการด้านท่อขนส่งน้ำมันดิบบางส่วนจะเริ่มกลับมาเปิดดำเนินการในสัปดาห์หน้า
เหตุการณ์ความไม่สงบในไนจีเรียยังไม่คลี่คลาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตของประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปีที่ระดับ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังกลุ่มติดอาวุธ ไนเจอร์ เดลต้า อเวนเจอร์ส โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันดิบและท่อขนส่งน้ำมันดิบที่สำคัญในประเทศ ทำให้บริษัทน้ำมันรายใหญ่หลายแห่งต้องหยุดดำเนินการผลิต
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ (ณ วันที่ 13 พ.ค.) ปรับตัวลดลงกว่า 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 8.79 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ชะลอการลงทุนและการผลิตน้ำมันดิบ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าจุดคุ้มทุนในการผลิตใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ของ Baker Hughes ที่จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบ (สิ้นสุดวันที่ 6 พ.ค.) ปรับลดลงต่อเนื่องอีก 10 แท่นมา สู่ระดับ 318 แท่น ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 52
อิหร่านยังคงปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบในระดับสูงอย่างต่อเนื่องที่ระดับประมาณ 2.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากข้อมูลสำรวจโดยสำนักข่าว Reuters พบว่าในเดือน พ.ค. อิหร่านคาดจะส่งออกน้ำมันดิบและคอนเดนเสทรวมทั้งสิ้น 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 60 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า หลังอิหร่านสามารถส่งออกไปยังยุโรปได้เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจัยดังกล่าวสร้างความกังวลต่อผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อย่างซาอุดิอาระเบียว่าจะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดและเตรียมที่จะทำการเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นในเร็วนี้ หลังโครงการขยายแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Shaybah ซึ่งมีกำลังการผลิต 250,000 บาร์เรลต่อวันจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือนมิถุนายน นี้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจีน จำนวนที่อยู่อาศัยที่กำลังก่อสร้าง และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสหรัฐฯ และดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (16 - 20 พ.ค. 59)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.54 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 47.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.91 เหรียญสหรัฐฯ ปิดที่ 48.74 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 45 เหรียญสหรัฐฯ โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากอุปทานน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มตึงตัวมากขึ้น โดยในเดือน พ.ค. 59 อุปทานน้ำมันดิบโลกขาดหายไปจากตลาดราว 3.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงสุดในรอบ 5 ปี จากเหตุความไม่สงบในไนจีเรียที่ส่งผลให้ท่อขนส่งน้ำมันดิบในประเทศได้รับความเสียหาย ประกอบกับสถานการณ์ไฟป่าในแคนาดาที่ยังไม่ทุเลา ส่งผลให้มีอุปทานจากแคนาดาหายไปราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง ประกอบกับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย. นี้ จากภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง