- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Wednesday, 04 May 2016 10:04
- Hits: 1259
ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 41 – 47 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 42 – 48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (2 - 6 พ.ค. 59)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าจะทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง หลังได้รับแรงสนับสนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยการประชุมวันที่ 27 เม.ย. และยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วนี้ ประกอบกับ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง สะท้อนได้จากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ มีการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉิน ประกอบกับ ภาวะอุปทานล้นตลาดที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะคลี่คลาย หลังซาอุดิอาระเบียและอิหร่านยังคงส่งสัญญาณเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายสัปดาห์ (วันที่ 22 เม.ย.) ปรับลดลงกว่า 0.43 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 8.94 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ได้ชะลอการลงทุนและผลิตน้ำมันดิบลง สาเหตุเนื่องจากราคาน้ำมันดิบยังคงอยในระดับที่ต่ำกว่าจุดคุ้มทุนในการผลิตใหม่ ซึ่งสอดคล้องรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ของ Baker Hughes ที่พบว่าจำนวนแท่นขุดเจาะ ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี ที่ระดับ 343 แท่น นอกจากนี้ Baker Hughes คาดว่าในไตรมาสนี้จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ จะปรับลดลงกว่าร้อยละ 30 จากไตรมาสก่อนหน้า
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่องและส่งผลกดดันราคาน้ำมันน้อยลง หลัง Fed มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมและยังคงไม่รีบปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในเร็วนี้ ถึงแม้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งก็ตาม แต่ภาพรวมเศรษฐกิจยังค่อนข้างที่จะเปราะบางและอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 540.6 ล้านบาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐฯ มีการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินและปิดซ่อมบำรุงตามแผนในช่วงที่ผ่านมารวมทั้งสิ้นกว่า 292,000 บาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง โอกลาโฮมาปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1.8 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 66 ล้านบาร์เรล ซึ่งคิดเป็นกว่าร้อยละ 91.6 ของความจุทั้งหมด
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังซาอุดิอาระเบียกล่าวว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังโครงการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากแหล่ง Shaybah จะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย. 59 ส่งผลให้ปริมาณการผลิตโดยรวมจะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 0.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ ปริมาณการผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอิหร่านตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตจากปัจจุบันที่ประมาณ 3.23 ล้านบาร์เรลต่อวัน ให้กลับไปอยู่ที่ระดับเดิมก่อนการคว่ำบาตรที่ระดับ 4.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเร็วๆ นี้ ประกอบกับ คูเวตที่ปริมาณการผลิตปรับลดลงไปก่อนหน้านี้ คาดปริมาณการผลิตจะกลับมาสู่ระดับปกติในเดือนมิ.ย. นี้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการจีน ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ (ISM PMI) ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสหรัฐฯ และอัตราการว่างงานสหรัฐฯ
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (25 - 29 เม.ย. 59)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.19 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 45.92 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.22 เหรียญสหรัฐฯ ปิดที่ 47.33 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 44 เหรียญสหรัฐฯ โดยได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวอ่อนค่าลง หลัง Fed ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมและมีการส่งสัญญาณว่า Fed ไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังยังคงกังวลต่อสภาพการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวและอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย ถึงแม้ว่าสภาวะของตลาดแรงงานในสหรัฐฯ จะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบประวัติการณ์ที่ 540.6 ล้านบาร์เรล