- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Saturday, 30 April 2016 00:38
- Hits: 4522
ราคาน้ำมันดิบโตต่อเนื่องราว 2เปอร์เซนต์ แตะระดับสูงสุดในรอบปี จากค่าเงินสหรัฐที่อ่อนค่าลง
+ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่สาม แตะระดับสูงสุดในรอบปี หลังค่าเงินสหรัฐฯอ่อนค่าลงราว 5 เปอร์เซนต์ตอบรับนโยบายการคงอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่งผลทำให้นักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นสามารถซื้อน้ำมันดิบได้ในราคาที่ถูกลง
-อย่างไรก็ดีปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 540.6 ล้านบาร์เรล ยังคงเป็นที่น่ากังวลอยู่ รวมไปถึงประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายหลักอย่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซียยังไม่มีท่าทีจะลดกำลังการผลิตลง รวมไปถึงอิหร่านที่ยังคงเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงส่วนแบ่งตลาดกลับคืนมา
+/-ทั้งนี้ นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเข้าสู่สมดุลมากขึ้นเนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนยังไม่แน่ใจนักในเรื่องนี้เพราะผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ อาจจะกลับมาผลิตน้ำมันอีกครั้งหลังราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น
-เศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวหลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการเบื้องต้นสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสแรกขยายตัว 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2014โดยมีสาเหตุมาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอลง
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงสวนทางกัราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่เพิ่มมากขึ้นจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดิบดูไบที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้อุปสงค์ภายในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมันเบนซินในขณะนี้
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเล็กน้อย หลังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ถึงอุปทานจะเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนหน้าจากการกลับมาดำเนินการของโรงกลั่นในภูมิภาคหลังได้ปิดซ่อมบำรุงไปในช่วงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดีเซลยังได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์เพิ่มเติมจากประเทศเวียดนามอยู่
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ41-47 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 43-49 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายสัปดาห์ (วันที่ 22 เม.ย.) ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8.94 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังผู้ผลิตชะลอการลงทุนและผลิตน้ำมันดิบลง ซึ่งสอดคล้องรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ของ Baker Hughes ที่พบว่าจำนวนแท่นขุดเจาะ ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 7ปี ที่ระดับ 343แท่น
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่องและส่งผลกดดันราคาน้ำมันน้อยลง หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมและยังคงไม่รีบปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในเร็วนี้
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบประวัติการณ์ที่ 540.6 ล้านบาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่มีการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินและปิดซ่อมบำรุงตามแผนในช่วงที่ผ่านมารวมทั้งสิ้นกว่า 292,000 บาร์เรลต่อวัน