- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 21 March 2016 19:56
- Hits: 1964
ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง หลังจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรฐัฯ ปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงจากระดับสูงสุดในปี 59 จากแรงเทขายของนักลงทุนเพื่อทำกำไรจากราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วง 2 วันที่ผ่านมา และความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินจากสหรัฐฯ หลังจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 13 สัปดาห์ โดย Baker Hughes รายงานตัวเลขจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ รายสัปดาห์ (สิ้นสุด ณ วันที่ 18 มี.ค.) ปรับเพิ่มขึ้น 1 แท่น สู่ระดับ 387 แท่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ พร้อมที่จะกลับมาดำเนินการผลิต หากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น
- ธนาคารกลางรัสเซียประกาศเตือนว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจะไม่ยั่งยืน เนื่องจากตลาดยังคงถูกกดดันจากปจัจยัลบต่างๆ ที่ยังไม่คลี่คลาย ไม่ว่าจะเป็นความกงัวลต่ออุปทานน้ำมันดิบที่ล้นตลาดภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากอิหร่านที่เพิ่มขึ้นหลังจากอิหร่านได้รับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรจากชาติมหาอำนาจ และการช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดระหว่างผู้ผลิตน้ำมันดิบ ส่งผลให้ธนาคารกลางคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบในปีนี้จะเฉลี่ยที่ระดับ 30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปสู่ระดับ 40 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2561
-/+ นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่าค่าเงินดอลล่าร์ที่จะอ่อนตัวลงเพียงในระยะสั้น เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือน มิ.ย. ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูงอย่างไรก็ดี การตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับตัวเลขทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงาน ทั้งนี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ และมีเพดานอยู่ที่ระดับ 0.875%
+ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าประเทศอินเดียจะเป็นเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในโลกที่จะผลักดันการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันโลกในช่วงทศวรรษข้างหน้า แซงหน้าผู้บริโภครายใหญ่อันดับ 2 ของโลกอย่างจีน โดย IEA คาดการณ์ว่าภายในปี 2583 ปริมาณการบริโภคน้ำมันของอินเดียจะขยายตัวกว่า 2 เท่าจากระดบัปจัจุบนั แตะระดับ 10 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2583 ทั้งนี้ อุปสงค์น้ำมันที่แข็งแกร่งของอินเดียเป็นผลมาจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ก้าวกระโดดกว่า 7-8% ส่งผลให้ประชากรมีรายได้และกำลังซื้อรถยนต์ส่วนบุคคลมากขึ้น ประกอบกับได้รับแรงสนับสนุนจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังของสิงคโปร์ และยุโรป (Amsterdam-Rotterdam-Antwep:ARA Hub) ยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับแรงสนบสนุนจากความต้องการส ารองน้ำมันเบนซินก่อนเข้าสู่ฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐฯ และยุโรปในช่วงไตรมาส 2
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากความต้องการนำเข้าน้ำมันดีเซลจากภูมิภาคตะวันออกกลางชะลอตัวลง รวมไปถึงปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลจากประเทศจีนที่อยู่ในระดับสูง
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 34-40 เหรียญสหรฐัฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 36-42 เหรียญสหรฐัฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจยัที่น่าจับตามอง
การตอบรับของตลาดต่อความคืบหน้าของการประชุมนัดพิเศษระหว่างผู้ผลิตน้ำมันดิบในและนอกกลุ่มโอเปกที่จัดขึ้นในวันที่ 17 เม.ย.นี้ เพื่อหารือถึงการตรึงกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ระดับการผลิตในเดือน ม.ค. โดยมีผู้ผลิตน้ำมันดิบกว่า 15 ประเทศเข้าร่วมการประชุม ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 73 ของกำลังการผลิตน้ำมันดิบของโลก
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าลงและกดดันราคาน้ำมันดิบน้อยลงหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับเดิม จากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ทั้งปีนี้ Fed คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพียงแค่ 2 ครั้งจากแผนเดิมที่คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ (สิ้นสุด ณ วันที่ 11 มี.ค.) แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 523.2 ล้านบาร์เรล