- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Thursday, 28 January 2016 15:05
- Hits: 2028
ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น หลังรัสเซียจะหารือร่วมกับกลุ่มประเทศโอเปคเพื่อลดกำลังการผลิต
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของรัสเซียประกาศว่ามีความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะร่วมหารือกับกลุ่มประเทศโอเปคและประเทศซาอุดิอาระเบียเพื่อหาข้อตกลงในการลดกำลังการผลิต หลังจากที่ก่อนหน้านั้นรัสเซียยืนยันมาตลอดว่าจะไม่ร่วมมือกับกลุ่มประเทศโอเปคในการลดกำลังการผลิตเพื่อครองส่วนแบ่งทางการตลาดของตัวเองเอาไว้
+ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมเมื่อวานนี้ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงเดือนธันวาคมปลายปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2006 แต่อย่างไรก็ตามยังมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในเดือนมีนาคม ส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง
+ ในขณะที่การส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านไปยังทวีปยุโรปยังคงมีอุปสรรคในเรื่องของ กฎหมาย ค่าประกันภัย และธุรกรรมทางการเงิน ถึงแม้ว่าจะมีการนำเข้าน้ำมันดิบจากประเทศอิหร่านไปยังทวีปยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามลุคออยล์ได้ทำการยกเลิกการขนส่งน้ำมันดิบจากอิหร่านไปยังอิตาลีเนื่องจกยังติดปัญหาเรื่องค่าประกันภัย
+ นอกจากนี้บริษัทผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานรายใหญ่ของสหรัฐฯ 3 บริษัท ได้ออกมาประกาศว่าจะลดการลงทุนทางด้านน้ำมันประมาณ 40% - 66% ซึ่งทั้ง 3 บริษัทได้ทำการลดการลงทุนเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยที่บริษัท Continental Resources กล่าวว่าจะทำการลดกำลังการผลิตลง 10% จากปีก่อนหน้า เนื่องมาจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการไม่คุ้มค่าแก่การลงทุน
- อย่างไรก็ตาม สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่าน้ำมันดิบคงคลังปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.4 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ที่ 3.3 ล้านบาร์เรล ส่งผลให้น้ำมันดิบคงคลังปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุด ในขณะที่น้ำมันเบนซินคงคลังได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากสต็อกน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 11 ติดต่อกัน แต่อย่างไรก็ตามปริมาณการส่งออกน้ำมันเบนซินโดยรวมในสัปดาห์นี้เพิ่มมากขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อน
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากทางทวีปยุโรปมีอุปสงค์ในน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ อีกทั้งอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องจากประเทศอินเดีย
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 28-35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 27-34 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ และธนาคารกลางยุโรปในเดือน มี.ค. ว่าจะมีการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติมหรือไม่ หลังล่าสุดประธานธนาคารกลางทั้งสองแห่งส่งสัญญาณการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
สถานการณ์พายุหิมะที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีทางตะวันออกของสหรัฐฯ ที่หลายฝ่ายคาดว่าจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันทำความร้อนปรับตัวสูงขึ้น
ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านที่อาจปรับเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร โดยอิหร่านคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการส่งออกน้ำมันดิบราว 500,000 บาร์เรลต่อวันได้ทันที ซึ่งประมาณ 200,000 บาร์เรลต่อวันจะถูกส่งไปยังยุโรป