- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Friday, 22 January 2016 17:38
- Hits: 4791
โรงกลั่นฯพร้อมเลิกอิงราคาสิงคโปร์ชงก.พลังงานปรับ LPG ตามต้นทุนจริง
แนวหน้า : นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไออาร์พีซี และประธานกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ทางกลุ่มโรงกลั่น ไม่ขัดข้องหากทางกระทรวงพลังงานจะปรับสูตรราคาหน้าโรงกลั่นใหม่ที่ปัจจุบันใช้อ้างอิงราคาสิงคโปร์ เพราะข้อเท็จจริงขณะนี้การซื้อขายจริงของแต่ละโรงกลั่นก็อิงราคาต้นทุนจริงเป็นหลัก จะมีส่วนลดตามสัญญาตามปริมาณที่สั่งซื้อ ซึ่งราคาอิงสิงคโปร์นั้น เป็นสูตรราคาที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ใช้ในการติดตามสถานการณ์เท่านั้น
ขณะเดียวกัน กลุ่มโรงกลั่นฯ ได้เสนอให้กระทรวงพลังงาน พิจารณาปรับสูตรราคาแอลพีจีหน้าโรงกลั่นใหม่ จากปัจจุบันคำนวณราคาตะวันออกกลาง (ซีพี) ลบ 20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก็ควรจะเป็นราคาซีพี เพราะน้ำมันดิบนั้นต้องนำเข้าทางโรงกลั่นฯ ก็ควรจะได้ราคาต้นทุนไม่ใช่ขายขาดทุน ส่วนการที่ภาครัฐต้องการเห็นโรงกลั่นฯ ขายแอลพีจีออกมาแทนที่จะนำไปใช้เป็นวัตถุดิบหรือเชื้อเพลิงภายในโรงกลั่น ในเรื่องนี้ก็คงแล้วแต่โรงกลั่น แต่ละแห่งจะพิจารณา
ด้าน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ค้าน้ำมันล่าสุด ยังทำสถิติดิ่งลงต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ราคาน้ำมันดิบดูไบปิดที่ 23.54 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากวันก่อน 1.87 ดอลลาร์สหรัฐ เบรนท์ ปิด 28.74 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 0.20 ดอลลาร์สหรัฐ เวสต์เท็กซัส 29.11 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 0.31 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่วนน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ เบนซิน 95 ราคา 46.53 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 2.23 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ดีเซล 32.82 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 1.98 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ขณะที่นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ ปรับแผนอนุรักษ์พลังงานแม้ราคาน้ำมันจะลดลง โดยคาดว่าปี 2559 เป้าหมายการลดการใช้พลังงานทุกภาคส่วนจะอยู่ที่ 1,800 ตันเทียบเท่าน้ำมัน ซึ่งในส่วนของอุตสาหกรรมและอาคารประหยัดพลังงานต่าง ๆ ก็ไม่ได้ทบทวนแผนการลงทุน เพื่อลดการใช้พลังงาน เพราะส่วนใหญ่ต้นทุนมาจากค่าไฟฟ้า ซึ่งค่าไฟฟ้าฐานไม่ได้ปรับลดลงแม้ต้นทุนน้ำมันจะลดลงและยังเพิ่มขึ้นตลอด เพราะต้นทุนผูกเรื่องค่าก่อสร้างและอื่นๆ ในส่วนของค่าน้ำมันจะมีผลเฉพาะค่าไฟฟ้าอัตโนมัติหรือเอฟทีเท่านั้น
และเมื่อวันที่ 18 ม.ค. พพ.ร่วมกับสถาบันการเงิน 8 แห่งเปิดงานประชาสัมพันธ์ (Road show) โครงการเงินหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) โดยมีวงเงินกู้จากกองทุนอนุรักษ์พลังงานที่จะปล่อยกู้ผ่านธนาคาร จำนวน 4,489 ล้านบาท และธนาคารพร้อมจะระดม เงินกู้เพิ่มเท่าตัว ซึ่งคาดว่าจะมีเงินสนับสนุนประมาณ 10,000 ล้านบาท และว่าปี 2559 จะสามารถปล่อยเงินกู้ได้ในเฟสแรกประมาณ 1,845 ล้านบาท ในลักษณะเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ไม่เกิน 3.5% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ และปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง เช่น แอร์ คอมเพรสเซอร์ ชิลเลอร์ เป็นต้น และจะมีธุรกิจห้องเย็น โรงน้ำแข็งที่จะเข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 200 แห่ง และได้ตั้งเป้าหมายให้เกิดการประหยัดพลังงานประมาณ 90 ล้านบาทต่อปี โดยเบื้องต้น พพ.ได้ทำการสำรวจและเก็บข้อมูลอุตสาหกรรม ห้องเย็น โรงน้ำแข็งทั่วประเทศพบว่า มีโรงน้ำแข็งอยู่ 1,769 แห่ง และห้องเย็น 670 แห่ง